svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

“ณัฐชา” ตั้งกระทู้สด จี้ “นายกฯ”ปมเรือหลวงอับปางต้องเร่งปฏิรูปกองทัพ

22 ธันวาคม 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

“ณัฐชา” ตั้งกระทู้สด “นายกฯ” กลางสภา จำเป็นแค่ไหน เรือหลวงสุโขทัยต้องออกตระเวน บอกอุปกรณ์ยังไม่ครบจะไปช่วยใครได้ ซัด ถึงเวลาหรือยังต้องปฏิรูปกองทัพ ด้าน “พล.อ.ชัยชาญ” มาตอบแทน ยืนยันทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุม ย้ำกองทัพ ระลึกเสมอว่าต้องปรับวิธีการทำงาน

"เรือหลวงสุโขทัย" 22 ธันวาคม 2565 การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาคนที่ 2 เป็นประธานในที่ประชุม ซึ่งมีการตั้งกระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล ถามพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต่อกรณี "เรือหลวงสุโขทัย" อับปาง โดยมี พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ได้รับมอบหมายให้ตอบคำถามแทน 

นายณัฐชา กล่าวว่า กรณี "เรือหลวงสุโขทัย" เป็นการเสียใจครั้งยิ่งใหญ่ของพี่น้องชาวไทย ขณะนี้ เจ้าหน้าที่กำลังปฎิบัติค้นหาผู้ประสบภัยในทะเล ตนขอให้กำลังใจผู้ค้นหาผู้รอดชีวิต รวมไปถึงครอบครัวกำลังพลทุกคน แน่นอนว่าเหตุการณ์นี้ยังไม่ทราบต้นสายปลายเหตุ แต่เป็นที่ทราบกันดีว่าเป็นเหตุการณ์ที่เรือหลวงเผชิญกับคลื่นลมแรง มองว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ เป็นการสูญเสียภายใต้การบริหารของกองทัพครั้งแล้วครั้งเล่า

คำตอบของพล.อ.ชัยชาญ ที่มาตอบแทนในวันนี้ จะเป็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ของครอบครัวพี่น้องประชาชนเพราะได้ฟังจากผู้บัญชาการทหารเรือไปแล้วไม่ได้ช่วยอะไรเลย แต่เป็นการซ้ำเติมความรู้สึกนึกคิด ของพี่น้องประชาชนที่ติดตามเหตุการณ์อย่างใกล้ชิดด้วยซ้ำ 

"ผมจึงอยากให้ช่วยอธิบายเหตุการณ์เริ่มต้นเวลาที่น้ำเริ่มเข้าเรือ ได้รับการแจ้งเหตุเวลาใด เรือที่เข้าไปช่วยลำแรก ไปในช่วงเวลาใด ตอนนั้นมีกำลังพลจำนวนเท่าไหร่ เรือไม่จมสู่พื้นทะเลใช่หรือไม่ อุปกรณ์ในการนำไปช่วยมีอุปกรณ์ใดบ้าง มีชูชีพเท่าไหร่ เรือยางเท่าไหร่ อุปกรณ์อื่นๆที่จะช่วยกำลังพลให้รอดชีวิตมีอะไรบ้าง ได้ขอความช่วยเหลือไปยังหน่วยงานใดบ้างและได้รับการตอบรับจากหน่วยงานใดบ้าง" นายณัฐชา กล่าว

และ "เรือหลวงสุโขทัย" อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานหรือไม่ มีประวัติการซ่อมบำรุงหรือประวัติการใช้งบประมาณในการซ่อมบำรุงมากน้อยแค่ไหน และการซ่อมบำรุงครั้งล่าสุดเมื่อไหร่

ด้าน พล.อ.ชัยชาญ ชี้แจงว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 ธันวาคมเวลา 18.40 น. เป็นช่วงค่ำ ศูนย์บัญชาการกองทัพเรือได้รับรายงานจาก "เรือหลวงสุโขทัย" และได้รายงานไปที่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมตามระดับบังคับบัญชา ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้สั่งการให้เข้าแก้ไขสถานการณ์โดยเฉพาะอย่างยิ่งการควบคุมเรือรบหลวงสุโขทัย 

สาเหตุหลักๆ ทางกองทัพเรือได้รายงานว่า วันนั้นมีสภาพอากาศค่อนข้างจะมีขึ้นลมแรงมาก เรือได้ฝ่าคลื่นแรง ต่อมามีน้ำเข้ามาในตัวเรือ ส่งผลไปถึงน้ำไปที่เครื่องไฟฟ้า ทำให้มีผลหยุดทำงาน เป็นเหตุให้ไม่สามารถควบคุมเรือได้ ส่งผลให้น้ำเข้ามาในตัวเรืออย่างรวดเร็ว ซึ่งสภาพเรือในช่วงนั้นเอียงประมาณ 60 องศา 

โดยทางศูนย์บัญชาการกองทัพเรือได้สั่งการให้เรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช  เรือรบอ่างทอง  เรือหลวงกระบุรี  และเฮลิคอปเตอร์จำนวน 2 ลำเข้าไปช่วยเหลือ ซึ่งในช่วงเวลานั้นเรือหลวงกระบุรีอยู่ที่อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เข้าไปในพื้นที่ประมาณ 20 ไมล์ทะเล ถึงเวลาประมาณ 20.40 น.

นอกจากนี้ได้ได้รับการช่วยเหลือจากเรือลากจูงในพื้นที่และเรือน้ำมัน กำลังพลทั้งหมด 105 คนมาอยู่ที่กาบเรือ แต่การที่จะขนกำลังพลเหล่านั้น เข้าช่วยเหลือได้ 75 ราย อีก ประมาณ 30 รายพลัดตก ตนเองได้ไปพบกับญาติ ทุกคนก็แสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิต 

พร้อมย้ำว่า การดำเนินการทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมภายในกองทัพเรือ ในช่วงที่เหลือเอียงประมาณ 60 องศา ได้คาดการณ์ว่าใช้เรือลากจุง ก็สามารถลากเรือหลวงสุโขทัยมายังฝั่งได้ แต่น้ำกลับเข้ามาเพิ่มเติมทำให้ท้ายเรือจม 

ทั้งนี้ มีการสั่งการให้กองทัพเรือสอบสวนในทุกเรื่องที่เกิดขึ้น ทั้งเรื่องเสื้อชูชีพ เรื่องที่สังคมให้ข้อสังเกตต่างๆ ส่วนเรื่องชูชีพ และเครื่องช่วยชีวิตในเรือนั้น  ปกติจะมีจำนวนเท่ากับอัตราประจำเรือและมีส่วนหนึ่งที่เป็นอุปกรณ์สำหรับช่วยเหลือผู้ที่ประสบภัยทางทะเล มีทั้งชูชีพส่วนบุคคลและแพชูชีพ ด้วยสภาพเรือที่เอียง ทำให้ไม่สามารถที่จะปล่อยแพชูชีพได้ เพราะว่าคลื่นลมแรง แม้แต่เฮลิคอปเตอร์ที่ไปเพื่อจะโรยให้กำลังพลได้ขึ้นมาบนเฮลิคอปเตอร์นั้นก็ทำได้ยาก เรือนั้นโคลงเคลง อาจจะเป็นอันตรายได้ 

ส่วนข้อสังเกตว่า มีเสื้อชูชีพครบหรือไม่ ตอนนี้ได้สั่งการให้ตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเรือหลวงสุโขทัยได้มีการซ่อมบำรุงใหญ่ครบทั้งระบบเมื่อปี 2563 ที่ผ่านมา 

ต่อมา นายณัฐชา กล่าวขอบคุณสำหรับคำตอบ พร้อมระบุว่า สาเหตุที่ถาม เป็นเพราะอยากทราบว่ามีความมุ่งมั่นตั้งใจกำลังพลที่ประเมินมูลค่าไม่ได้อย่างไรบ้าง ซึ่งไม่ได้รับคำตอบ ส่วนเรื่องชูชีพตนไม่ได้ถาม เพราะเป็นเรื่องที่สังคมรู้แจ้งอยู่แล้วว่ามีไม่พอ และกองทัพเรือจำนนต่อหลักฐานแล้ว 

พร้อมถามต่อว่า มีภารกิจใดที่ต้องฝ่าคลื่นลมแรง ในวันและเวลามรสุม มีความจำเป็นมากน้อยแค่ไหน ใครเป็นคนออกหนังสือสั่งการ ได้รับข้อมูลจากจังหวัดหรือกรมอุตุนิยมวิทยาก่อนหรือไม่ว่ามีคลื่นลมแรง เรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง เหตุใดยังคงต้องดื้อดึงเอากำลังคนที่เป็นลูกหลานของพี่น้องประชาชน ไปทำภารกิจนี้ 

นอกจากนี้กำลังพลที่ออกไปเป็นทหารเกณท์ใช่หรือไม่ มีกำลังคนที่ว่ายน้ำไม่เป็นใช่หรือไม่ รวมทั้งกำลังพลทั้งหมดได้เคยผ่านอบรมเผชิญเหตุภัยพิบัติหรือไม่ 

จากนั้น พล.อ.ชัยชาญ ตอบว่า ทางกองทัพเรือก็ได้เตรียมการแต่ด้วยสภาพอากาศสภาพแวดล้อมในเวลานั้น ขึ้นอยู่กับพนักงานสอบสวน คงไม่ใช่ว่าจะมาตอบว่าทำไม่ได้หรืออย่างไร เรือหลวงสุโขทัยมีหน้าที่ลาดตระเวนในทะเล ในสภาพอากาศที่เป็นคลื่นลมแรงแบบนี้ จะเห็นได้ว่าวันดังกล่าวมีเรืออับปปาง 2-3 ลำ เช่นเดียวกัน "เรือหลวงสุโขทัย" ก็มีหน้าที่ในการบรรเทาสาธารณะภัยด้วย 

กรมอุตุนิยมวิทยาก็เลยแจ้งมา ก็มีการประเมินสถานการณ์ ก่อนที่จะตัดสินใจไป แล้วท่านถามว่ามีกำลังพลส่วนอื่นนั้น กำลังขนส่วนไหนก็ไปปฏิบัติภารกิจที่จังหวัดชุมพร ก็เป็นการดำเนินการตามหน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติในฐานะที่เป็นเรือหลวงที่ปฎิบัติภารกิจอยู่ในพื้นที่ทัพเรือภาค1 

ส่วนที่มีการฝึกอบรมหรือไม่ ยืนยันว่ามีการฝึกซ้อมตลอดเวลาก่อนที่จะออกเรือต้องมีการชี้แจงคำแนะนำในการปฏิบัติ อย่างไรก็ตามต้องให้กองทัพเรือไปสอบข้อเท็จจริงว่าข้อปฏิบัติดังกล่าวกำลังพลได้เข้าใจถึงกรณีที่มีสถานการณ์ฉุกเฉินหรือไม่ 

ทำให้นายณัฐชา ลุกขึ้นถามทันทีว่า “ออกไปลาดตระเวนอะไร ชูชีพท่านยังไม่มี ถ้าท่านจะเห็นไม่คาดคิด เรือชาวบ้านเรือเอกชนอับปาง ถ้าจะเอาชูชีพที่ไหนช่วยเขา ถ้าจะเอาแพยางที่ไหนช่วยเขา เพราะเรือของท่านเองยังช่วยไม่ได้เลย แล้วท่านไปลาดตระเวนภาษาอะไร นำกำลังพลไป 100 กว่าคน อุปกรณ์ก็ไม่ครบครัน” 

นายณัฐชา ถามต่อว่า ใครเป็นผู้รับผิดชอบต่อเหตุการณ์นี้ ถึงเวลาแล้วหรือยังที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอยู่มา 8 ปีเต็มมีอำนาจล้นฟ้า ถึงเวลาปฏิรูปกองทัพแล้วหรือไม่ 

พล.อ.ชัยชาญ กล่าวตอบว่า ได้เน้นย้ำไปผู้บัญชาการทหารเรือแล้วว่าจะต้องเสาะหาข้อเท็จจริงได้ กองทัพไม่อยู่เฉย พยามทำทุกทางเพื่อให้มีประสิทธิภาพเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง เป็นที่เชื่อมั่นของพี่น้องประชาชน กำลังพลในกองทัพก็มีความมั่นใจในกองทัพประชาชนก็มีความภาคภูมิใจในกองทัพกองทัพก็อยู่คู่กับประชาชน

กองทัพเองก็ระลึกเสมอว่ากองทัพจะต้องปรับปฏิรูปตัวเองปรับวิธีการทำงานของตัวเองให้สามารถที่จะดูแลพี่น้องประชาชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการปฎิบัติภารกิจป้องกันประเทศหรือการรักษาความมั่นคงก็ดี กองทัพมีการปรับปฏิรูปมาต่อเนื่อง

logoline