ปูทางเลือกตั้ง! “พีระพันธุ์” ขุนพลข้างกาย "บิ๊กตู่" นั่งเลขาธิการนายกฯ
แอบเนียน! “ประยุทธ์” ยกตำแหน่ง “นายกฯน้อย” ให้ “พีระพันธุ์” ขุนพลข้างกาย ใช้อำนาจแบบเนียนๆ เก๋าๆ ปูทางศึกเลือกตั้ง?
สุดท้าย! ชัดยิ่งกว่าชัด “บิ๊กตู่” ยอมไปร่วมงานกับ "รวมไทยสร้างชาติ" และยอมให้เสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หลังเสนอ ครม. แต่งตั้ง "พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค" หัวหน้า รทสช. เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรีมา สดๆ ร้อนๆ สลับตำแหน่งกับ "ดิสทัต โหตระกิตย์" ที่ยอมลาออกจากเลขาธิการนายกฯ ไปเป็นที่ปรึกษานายกฯ แทน
คำถามที่ตามมาคือ ทำไมต้องสลับตำแหน่ง เพราะอายุรัฐบาลจะอยู่อีกไม่กี่เดือนก็จะมีเลือกตั้ง ส่วนการทำงานของ “ดิสทัต โหตระกิตย์” ก็ไม่มีอะไรพบพร่อง คำตอบก็คงหนีไม่พ้นเรื่องการเมืองเพราะ “บิ๊กตู่” ต้องการเข้าสู่โหมดเลือกตั้งเต็มตัว
แต่ต้องยอมรับ “บิ๊กตู่” ยังมีจุดอ่อน หากจะลงสนามเลือกตั้งครั้งต่อไป เพราะตั้งแต่เป็นนายกรัฐมนตรีมาภาพลักษณ์เป็นคนที่เข้าถึงยากไม่มีปฏิสัมพันธ์กับนักการเมืองเท่าที่ควร ไม่เหมือนกับพี่ใหญ่อย่าง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ มากบารมีทางทหารและทางการเมือง ดูแล ส.ส.ในพลังประชารัฐเป็นอย่างดี เป็นคนเข้าถึงได้ง่าย
“บิ๊กตู่” จึงยกตำแหน่ง “เลขาธิการนายกฯ” ให้ “พีระพันธุ์” จัดการหากมองในเชิงการบริหารแล้วคือขุนพลข้างกายนายกฯ เมื่อเทียบตำแหน่งอื่นเช่น ตำแหน่งรองนายกฯ หรือ ตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ห้องทำงานอยู่ในรั้วทำเนียบรัฐบาลก็จริงแต่อยู่คนละตึก
ไม่เหมือนห้องทำงานของ “เลขาธิการนายกฯ” อยู่ติดกับห้องทำงาน “นายกฯ” แถมเป็นตำแหน่งที่มีอำนาจมากได้รับมอบงานจาก “นายกฯ” โดยตรง แล้วสั่งงานต่อไปยังทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทางการเมือง และฝ่ายข้าราชการประจำ
ผู้ที่สามารถสั่งการฝ่ายข้าราชการการเมือง หรือมอบหมายงานการเมืองได้ จำเป็นต้องใช้ผู้ที่มีความชำนาญ เก๋าเกมทางการเมืองอย่าง “พีระพันธุ์” เพื่อจะไม่มีข้อครหาว่าใช้อำนาจเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองหรือไม่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
นักข่าวจึงมักตั้งฉายาตำแหน่ง “เลขาธิการนายกฯ” ว่าเป็น “นายกฯน้อย” เช่นยุคของรัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ก็ได้ตั้ง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง เป็นเลขาธิการนายกฯ เพราะผ่านงานการเมืองมาอย่างโชกโชน มีข้อมูลลึก รู้เบื้อหน้าเบื้องหลัง นักการเมืองในขณะนั้นต้องเกรงใจ มีเรื่องสำคัญๆ ส่งต่อให้ข้าราชการการเมืองนำไปปฏิบัติอย่างไร้ปัญหา
และเมื่อ “พีระพันธุ์” หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ และมาทำหน้าที่เลขาธิการนายกฯ ซึ่งเคยเป็นทั้งผู้พิพากษาก่อนเข้าสู่สนามการเมืองเป็น ส.ส.ประชาธิปัตย์ เคยเป็น รมว.ยุติธรรม และเป็นผู้ร่วมท้าชิงหัวหน้าหน้า ปชป. กับนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หลังการเลือกตั้งปี 62 มาแล้วผ่านงานการเมืองมาอย่างโชกโชนเช่นกัน
แม้ว่าเจ้าตัวจะปฏิเสธเสียงวิจารณ์ว่า การนั่งในตำแหน่งเลขาธิการนายกฯ ไม่ใช่ข้อได้เปรียบทางการเมืองและการเลือกตั้งมองเป็นแค่เป็นหัวโขน แต่ต้องจับตาว่า “พีระพันธุ์” จะใช้อำนาจเนียนๆ เก๋าๆ ในตำแหน่งนี้อย่างไร เพื่อตอบสนองความต้องการทางการเมืองของ “บิ๊กตู่” และตอบสนองนโยบายรัฐบาล ปูทางก่อนศึกเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง และห้ามไม่ให้มีข้อครหาว่า ใช้อำนาจหวังผลประโยชน์ทางการเมืองแก่พวกพ้อง