ดุเดือด! “สนธิรัตน์” ชี้ สนามการเมืองครั้งนี้ ดุเดือดเลวร้ายที่สุด

18 ธันวาคม 2565 นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย และนายวัชระ กรรณิการ์ รองเลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย และประธานยุทธศาสตร์ภาคกลาง ได้เดินทางมาร่วมประชุมที่โรงแรมพูลแมน จ.ขอนแก่น โดยมีว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. จาก 12 จังหวัดภาคอีสาน เดินทางมาให้การต้อนรับและประชุมเตรียมความพร้อมการเลือกตั้งในภาคอีสาน โดยมีผู้แสดงเจตจำนงเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. อีสาน และแกนนำพื้นที่ทุกจังหวัดในภาคอีสานเข้าร่วม

นายสนธิรัตน์ กล่าวในเวทีที่ประชุมว่า ขอบคุณสำหรับกำลังใจที่สมาชิกพรรคมมีให้กันมาโดยตลอด ถือเป็นความรู้สึกที่ดีต่อกัน  การเดินทางมาในวันนี้ ( 18 ธ.ค.65 ) ตั้งใจมาพบปะกับสมาชิก ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. และเป็นช่วงเดือนที่ต่างได้รับข่าวสารข้อมูล ข้อเท็จจริงที่ไม่ได้รับการยืนยัน ประเด็นแรกที่จะข้อชี้แจงเลยคือ ประเด็นข่าวลือต่างๆ ไม่เป็นความจริงหมดทั้งสิ้น

การเดินทางมาครั้งนี้เพื่อให้สมาชิกทุกคนรับทราบสถานการณ์พรรคที่แท้จริง กระบวนการข่าวที่เกิดขึ้นในระยะนี้ มองว่าเป็นเรื่องปกติ แต่สนามการเมืองการเลือกตั้งในรอบนี้ถือว่าหนักหน่วงดุเดือด ทั้งมาในรูปแบบบนดิน ใต้ดิน ในภาพรวมทั้งประเทศการเมืองครั้งนี้ถือเป็นการเมืองที่เลวร้ายที่สุดครั้งหนึ่งของการเมืองไทย  

สำหรับการเตรียมความพร้อมการเลือกตั้งนั้น ขณะนี้เน้นเป้าหมายที่ ส.ส. เขตในพื้นที่ก่อน ขณะนี้ที่มี ส.ส.พร้อมแล้วประมาณ 40 เขต ที่ลงตัวแล้วประมาณ 20 จังหวัด ที่เหลือจะเป็นคะแนนปาร์ตี้ลิสต์

สำหรับในพื้นที่อีสานมองว่าเป็นอีกพื้นที่หนึ่งที่ทำงานยาก เพราะอีสานมีพื้นที่กว้าง มีอีสานเหนือ อีสานใต้ จึงทำให้าวบ้านมีความหลากหลายของสังคม วัฒนธรรม ค่านิยม ที่มีความแตกต่างกัน แต่เป็นพื้นที่ที่ท้าทายสำหรับพรรคสร้างอนาคตไทย   

“ส่วนกรณีกระแสข่าวลือในหลากหลายประเด็นนั้นไม่หนักใจ เรื่องข่าวลือเป็นเรื่องธรรมดาของทางการเมือง เพียงแต่หลายฝ่ายให้ความสนใจเท่านั้น ทุกพรรคมีข่าวลือ มีความเปลี่ยนแปลง การโยกย้าย การเข้า การออก ถือเป็นเรื่องปกติทางการเมือง ซึ่งพรรคสร้างอนาคตไทยก็มียุทธศาสตร์ในการเปลี่ยนแปลงเพื่อความเหมาะสมทางการเมือง ทางพรรคต้องการวางยุทธศาสตร์ทางการเมืองระยะยาว บางเรื่องที่ตรงวัตถุประสงค์บ้าง  หรือไม่ตรงบ้างเป็นธรรมดาของสถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นได้”   

ด้านนายวัชระ กล่าวว่า ตนไม่เคยรู้สึกท้อถอย และขอย้ำว่าไม่เคยได้ยินหรือเห็นว่าผู้บริหารพรรคส่งสัญญาณถอดใจ หรือเลิกทำพรรคแต่อย่างใด ยืนยันว่าพรรคสร้างอนาคตไทยเดินหน้าต่อไปอย่างเข้มแข็งและเข้มข้นแน่นอน 

ขณะที่ นายสนธิรัตน์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุม ว่า มาพบปะผู้แสดงเจตจำนงเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภาคอีสาน เนื่องจากขณะนี้เป็นช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง และมีความชัดเจนเรื่องกฎหมายเลือกตั้งแล้ว รวมถึงมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองค่อนข้างมาก ดังนั้นพรรคสร้างอนาคตไทยจึงมาพบปะผู้แสดงเจตจำนงเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เพื่อชี้แจงแนวทางการทำงานในพื้นที่ โดยพรรคสร้างอนาคตไทยจะเป็นความหวังของคนภาคอีสาน

“พรรคสร้างอนาคตไทยจะเดินหน้าในพื้นที่ภาคอีสานอย่างเต็มสูบ เพราะผู้แสดงเจตจำนงเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ทุกคนทำงานอย่างเต็มที่ แต่เราจะปรับยุทธศาสตร์ให้ลึกลงไป เพราะเป็นช่วงโค้งสุดท้ายแล้ว ส่วนกระแสต่างๆ ที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติทางการเมือง ไม่ใช่แค่พรรคสร้างอนาคตไทยพรรคเดียว แต่มีกระแสต่างๆ เกือบทุกพรรค

พร้อมยอมรับช่วงนี้การเมืองมีความวุ่นวาย มีการเปลี่ยนแปลงสูงมาก และเป็นหนึ่งในเวลาของสถานการณ์ทางการเมืองไทยที่ไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ดังนั้นคิดว่าเป็นโอกาสดีของพรรคสร้างอนาคตไทย ในการเป็นพรรคทางเลือก และเป็นความหวังให้กับพี่น้องประชาชน โดยพรรคจะเข้าไปนั่งในใจของประชาชนให้ได้ เรามีตัวบุคคลที่เชื่อมั่นว่าจะแก้ปัญหาได้ มีผู้บริหารของพรรคที่มีความสามารถในการแก้ปัญหาเรื่องปากท้อง และเศรษฐกิจ เราจะเป็นพรรคการเมืองน้ำดีที่มีประชาชนเป็นตัวตั้ง และช่วยประชาชนในการแก้ปัญหา ไม่ใช่การเมืองเพื่ออำนาจ หรือเพื่อตำแหน่งอย่างเดียวเท่านั้น”