วันที่ 5 ธันวาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (4 ธันวาคม ) ที่จังหวัดร้อยเอ็ด นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และนายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล ได้ร่วมพบปะสมาชิกและผู้สนับสนุนที่ศูนย์ประสานงานพรรค จ.ร้อยเอ็ด รวมทั้งลงพื้นที่รับฟังปัญหาประชาชนและนำเสนอแนวนโยบายพรรคในหลายจุดทั่วจังหวัด
นายรังสิมันต์ กล่าวปราศรัยช่วงหนึ่งว่า พรรคก้าวไกลไม่ได้ต้องการแค่ผลคะแนน ไม่ได้ต้องการแค่เป็นรัฐบาลและเป็นนายกรัฐมนตรี แต่เราต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ แก่นแกนของพรรคก้าวไกล คือการต่อสู้กับความไม่เป็นธรรมไม่ว่าจะยุคสมัยไหนหรือรูปแบบใด ผ่านนโยบายต่างๆ เช่น การปฏิรูปที่ดินให้เป็นธรรม การปฏิรูปกองทัพ ที่ไม่ได้มีเป้าหมายแค่เพื่อป้องกันรัฐประหารเท่านั้น แต่คือการคิดว่าจะทำอย่างไรให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้น รวมทั้งการปลดล็อกท้องถิ่น ให้ท้องถิ่นมีอำนาจเต็มที่และมีงบประมาณเพียงพอในการดูแลชีวิตประชาชน
โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวต่อว่า ยกตัวอย่างเงินผู้สูงอายุ 3,000 บาท ไม่ใช่แค่นโยบายกู้มาแจกตามที่บางฝ่ายกังวล แต่คือนโยบายที่คิดมาเป็นอย่างดีว่านอกจากจะช่วยให้ผู้สูงอายุมีรายได้เพียงพอต่อการดำรงชีวิต ยังช่วยเหลือประชาชนวัยทำงานที่ต้องดูแลลูกและพ่อแม่วัยชราให้ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง สามารถใช้ชีวิต กล้าลอง กล้าฝัน ได้มากกว่าที่เป็นอยู่ และนี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของชุดนโยบาย “สวัสดิการไทยก้าวหน้า” ที่จะดูแลประชาชนทุกช่วงวัย
ขณะที่ นายพิธา เชื่อมั่นว่าความสำเร็จจากการทำงานในระดับท้องถิ่นของคณะก้าวหน้า ที่นำโดยนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ในพื้นที่ จ.ร้อยเอ็ด จะช่วยให้ประชาชนยิ่งมั่นใจพรรคก้าวไกลมากขึ้น ถึงแม้การเลือกตั้งใหญ่ปี 2562 เราไม่ได้ ส.ส. ที่ร้อยเอ็ด แต่เราได้ฐานคะแนนเป็นกอบเป็นกำ มาครั้งนี้มั่นใจจากการได้รับเลือกตั้งในท้องถิ่นก้าวหน้า อย่างเช่น ที่เทศบาลตำบลอาจสามารถ
โดยเราได้บริหารงานตามวิถีก้าวไกลและวิสัยทัศน์แบบอนาคตใหม่ ทำให้สิ่งที่พื้นฐานที่สุดเกิดขึ้น และประชาชนจับต้องได้ เช่น ทำน้ำประปาให้ดื่มได้จริง ทำให้คนเข้าใจประโยคที่ว่าประชาธิปไตยกินได้ มันมีความหมายแบบนี้ และนี่ขนาดท้องถิ่นถูกจำกัดอำนาจและงบประมาณ ลองคิดดูว่าถ้าเราสามารถปลดล็อกคืนอำนาจให้ท้องถิ่นสำเร็จ จะทำให้ท้องถิ่นทั่วประเทศระเบิดศักยภาพและความสามารถอีกมากแค่ไหน
สำหรับการลงพื้นที่ครั้งนี้ พรรคก้าวไกลได้เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. แบบแบ่งเขต จ.ร้อยเอ็ด จำนวน 6 คน ได้แก่ เขต 1 นายเกียรติศักดิ์ ไค่นุ่นกา, เขต 2 นายทินกร อ่อนประทุม, เขต 3 ส.ต.อ.ทักษิณ พลเยี่ยม, เขต 4 นายวัจน์คมกริช ศรีวะรมย์, เขต 5 นายประวิทย์ มานะดี และเขต 7 นายประทักษ์ พาโคกทม