svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

บัตรสองใบสูตรหาร 100 บีบต้อน"พรรคการเมือง"ต้องพลิกเกมควบรวมสู้เลือกตั้ง

04 ธันวาคม 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ผลของคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ชี้ชัด "ร่างพ.ร.ป.เลือกตั้งส.ส." สูตรบัตรสองใบ หาร 100 ไม่ขัดรธน. ทำให้บรรดานักเลือกตั้งต้องปรับตัวโดยเฉพาะพรรคขนาดเล็กหรือแม้แต่ พรรคเกิดใหม่ อาจต้อง"ควบรวม"สู้ศึกเลือกตั้ง

 

เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นครั้งต่อไป จะใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ และ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ จะใช้ "สูตรคำนวณหาร 100" ถ้าเป็นเช่นนี้ "พรรคการเมืองขนาดเล็ก" หรือ "พรรคเกิดใหม่"ดูท่าจะเสียเปรียบ  โดยสัญชาติญาณนักเลือกตั้งจึงจำเป็นต้องปรับตัวในทางใดทางหนึ่งในช่วงเวลาที่เหลืออยู่นี้ 

 

บัตรสองใบสูตรหาร 100 บีบต้อน"พรรคการเมือง"ต้องพลิกเกมควบรวมสู้เลือกตั้ง


ย้อนกลับไปดู การเลือกตั้งเมื่อปี 2562 ที่ผ่านมา ใช้บัตรใบเดียว เลือกทั้ง ส.ส. เขต แล้วนำคะแนนมาคำนวณต่อให้ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 1 คน ต่อ 70,000 คะแนน ทำให้เกิดปรากฏการณ์ได้ผู้แทนจากพรรคเล็กจำนวนมาก ทั้งที่ไม่มี ส.ส.เขต ติดปลายนวม

 

ในขณะที่พรรคใหญ่อย่าง"พรรคเพื่อไทย" "ประชาธิปัตย์" ได้ผู้แทนปาร์ตี้ลิสต์ไม่มากนัก และเมื่อบรรดาผู้ทรงเกียรติเข้าสภามาทำหน้าที่แล้ว จะเห็นได้ว่าคุณภาพการทำงานแต่ละคนเป็นอย่างไร

 

เวลาล่วงมา 3 ปี มีการเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเกิดขึ้นหลายฉบับ จากหลายพรรคการเมือง สุดท้ายผ่านร่างเดียวของ"พรรคประชาธิปัตย์" เสนอแก้บัตรเลือกตั้งเป็น 2 ใบ เลือกทั้งคนและพรรคแยกกัน เพื่อวัดความนิยมแบบชัดๆ สูตรคำนวณปาร์ตี้ลิสต์พลิกกลับมาที่"หาร 100"

 

แน่นอนว่าสูตรคำนวณแบบนี้ พรรคใหญ่ย่อมได้เปรียบ และพรรคแกนนำรัฐบาลอย่างพลังประชารัฐ เห็นดีด้วย ส่วน ส.ส.ที่ทำพื้นที่ดีอยู่แล้ว แต่สังกัดพรรคที่ชาวบ้านไม่ชอบ ก็ใจชื้นขึ้นมาทันใด

 

เมื่อ"ศาลรัฐธรรมนูญ" วินิจฉัยว่า ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ สูตรคำนวณแบบใหม่นี้ จะใช้สำหรับการเลือกตั้งรอบหน้า ส่งผลให้ "พรรคเล็ก"ต้องประสบความยากลำบาก อาจถึงขั้นสูญพันธุ์ เพราะกว่าจะได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ 1 คน ต้องได้ถึง 370,000 คะแนน ส่วนพรรคที่เกิดขึ้นใหม่ และยังไม่มีผู้แทน ไม่มีต้นทุนฐานเสียงในการสะสมแต้มก็อาจมองเรื่อง"การควบรวมพรรค"    
 

กรณ์ จาติกวณิช  อดีตหัวหน้าพรรคกล้า จับมือ สุวัจน์  ลิปตพัลลภ  ในชื่อ "พรรคชาติพัฒนากล้า"

 

ลำพัง "พรรคเล็ก" ที่เข้าข่ายเงื่อนไขตามที่กล่าวข้างต้นแล้วต้องดิ้นหนีตายแล้ว  กติกาบัตรสองสูตรหาร 100 ก็ยังมีผลกระทบไปถึงพรรคการเมืองที่แม้เคยก่อร่างสร้างตัวมานาน ก็จำเป็นต้องปรับตัวไปด้วย ดังปรากฎตัวอย่าง เช่น "พรรคชาติพัฒนา"ที่จับมือกับ"พรรคกล้า" กลายร่างมาเป็น"พรรคชาติพัฒนากล้า" 

คุณหญิงสุดารัตน์  เกยุราพันธ์ุ  หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย

 

หรือแม้แต่กระแสข่าวที่ดังออกมาเป็นระยะๆ เกี่ยวกับการเปิดเจรจาร่วมมือการเมืองครั้งสำคัญ อย่างเช่น แกนนำของพรรคสร้างอนาคตไทย กับ แกนนำพรรคไทยสร้างไทย ซึ่งมีการหารือพูดคุยกันมาก่อนที่ศาลรธน.จะมีคำวินิจฉัยออกมา  แต่เมื่อศาลรธน.วินิจฉัย ร่างพ.ร.ป.เลือกตั้ง เป็นบัตรสองใบ สูตรหาร 100 แน่ชัดแล้ว  ปรากฎการณ์ "ควบรวม" จะชัดขึ้นเรื่อยๆเช่นเดียวกัน   

 

อุตตม สาวนายน  หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย

 

ก่อนหน้านี้ "อุตตม สาวนายน"  หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย  เคยให้สัมภาษณ์ถึงกติกาเลือกตั้งบัตรสองใบ สูตรหาร 100  ไว้ว่า  อยู่ที่แต่ละพรรคว่ากฎเกณฑ์กติกาออกมาเช่นนี้จะมีแนวทางกันอย่างไรที่จะเดินหน้าต่อไปให้ได้ การควบรวมก็คงอยู่ในใจบางพรรค แต่สำหรับพรรคสร้างอนาคตไทยเรายึดหลักการว่า ถ้าเลือกเส้นทางการควบรวม ต้องตอบโจทย์แรกคือทำงานให้ประชาชนได้ดียิ่งขึ้น

 

"คงต้องไปดู เพราะมีเงื่อนไขในมิติต่างๆ เช่นการทำงานร่วมกันจะลงตัวได้หรือไม่ เป้าหมายเชิงนโยบายสอดคล้องกันหรือไม่ หรือสามารถจัดคนทำงานในพื้นที่ได้หรือไม่ ซึ่งถ้าจะควบรวมกันทุกเรื่องจะต้องลงตัว"

 

"ไม่ว่าจะเรียกควบรวม เป็นพรรคพันธมิตร หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่มันคือการจับมือรวมพลัง ตัวอย่างก็มีให้เห็นแล้วคือ พรรคชาติพัฒนาและพรรคกล้า  ส่วนพรรคสร้างอนาคตไทย แม้จะมีข่าวคุยกับพรรคอื่นบ้าง แต่ยังไม่ชัดเจน" 

 

นายอุตตม   กล่าวถึงแนวคิดการควบรวมกับ"พรรคไทยสร้างไทย"  (ทสท.)  เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2565   

 

นั่นแสดงให้เห็นถึงท่าทีของแกนนำพรรคที่เกิดใหม่  ถึงแม้ภายในพรรคจะมีตัวระดับ"บิ๊กเนม" ซึ่งผ่านสมรภูมิทางการเมืองมาอย่างโชกโชนแล้วก็ตาม แต่ถึงที่สุดแล้ว มีความจำเป็นต้อง ปรับตัว ปรับกลยุทธ์ของพรรคอาจเดินไปสู่การ"ควบรวมพรรค" เป็นไปได้ด้วยกันทั้งสิ้น  เพื่อหวังสร้างความได้เปรียบมากที่สุด ตามกติกาเลือกตั้งที่ถูกเปลี่ยนแปลง  

 

การควบรวมพรรคไม่ใช่เรื่องแปลก หากทำถูกข้อกฎหมาย เพราะการเมืองเปลี่ยนแปลงได้ตลอด แต่สิ่งสำคัญคือต้องทำงานด้วยกันได้ และเป็นประโยชน์ต่อประชาชน ถ้านโยบายดี ภาพลักษณ์ผู้นำ-ผู้แทนดี ถึงวันเข้าคูหา คะแนนก็จะมาอย่างแน่นอน

logoline