"หลังเอเปคค่อยว่ากัน" คำกล่าวสั้นๆ ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ให้ไว้กับสื่อมวลชนทำเนียบรัฐบาล ล้วนถูกนำไปตีความออกไปในทางหลากหลาย ทั้งประเด็นการตัดสินใจยุบสภา การตัดสินใจจะร่วมทางการเมืองกับพรรคใดพรรคหนึ่งหรือไม่
"รายการคมชัดลึก" ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เนชั่นทีวีออนไลน์ ดำเนินรายการโดย "วราวิทย์ ฉิมมณี" ได้สัมภาษณ์ "รศ.ดร.ธนพร ศรียากูล นายกสมาคมรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และ"ดร.สติธร ธนานิธิโชติ" ผู้อำนายการสำนักนวัตกรรมเพื่อประชาธิปไตย สถาบันพระปกเกล้า มาร่วมแลกเปลี่ยนความเห็น
"วราวิทย์" การตัดสินใจทางการเมืองหลังเอเปค ของ"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" นายกรัฐมนตรี จะเลือกลงเล่นการเมือง จะสังกัดพรรคไหน มีความเห็นอย่างไร
"รศ.ดร.ธนพร" จริงๆแล้วหลังเอเปคที่"ลุงตู่"กล่าวไว้ มีความหมาย เพราะว่าวันที่ 23 พ.ย.65 จะลุ้นระทึกในรอบแรก ก็คือพระราชบัญญัติประกอบด้วยรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองจะรอดหรือไม่รอด แล้ววันที่ 30 พ.ย.65 จะลุ้นระทึกรอบที่ 2 ศาลรธน.วินิจฉัยพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. บัตรเลือกตั้งหาร 100 หาร 500 จะรอดหรือไม่รอด
ฉะนั้นที่ท่านนายกฯ พูดว่าหลังเอเปคค่อยว่ากัน ไม่ได้พูดผิด ท่านนายกฯ รู้อยู่แล้วว่า ขึ้นอยู่กับปัจจัยกฎหมมาย 2 ฉบับนี้ ถ้ากฎหมายฉบับนี้ไม่ผ่าน ในวันที่ 23 พ.ย.65 พรรคที่หมายมั่นว่าจะเติบโตมีเป้าหมายอะไรก็แล้วแต่จะจุก เพราะว่าถ้าจะส่งส.ส.ได้จำนวนไม่เยอะโอกาสที่จะได้รับเลือกตั้งก็จะน้อยลงไปด้วย โดยเฉพาะร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. ยังมีข้อโต้แย้งที่เป็นเหตุเป็นผล อยู่หลายเรื่อง ถ้าฉบับแรกไม่ผ่านโอกาสฉบับนี้ก็ยาก
"วราวิทย์" สมมติว่า ร่างพ.ร.ป.พรรคการเมืองผ่าน และร่างพ.ร.ป.เลือกตั้งส.ส. เกี่ยวกับบัตรเลือกตั้งผ่านเหมือนกัน จะเป็นตัวที่พล.อ.ประยุทธ์ตัดสินใจง่ายขึ้นหรือไม่
"รศ.ดร.ธนพร" ตัดสินใจง่ายขึ้นแต่ยังไม่ต้องตัดสินใจ จะรีบตัดสินใจทำไม ถ้ากฎหมายสองฉบับนี้ผ่าน สิ่งที่เราจะได้เห็นคือตลาดนักการเมืองเปิด ใครจะย้ายพรรคอะไร เพราะทุกคนเห็นหมดแล้วว่า 7 พ.ค.66 ได้กาบัตรแน่นอน เพราะงั้นไม่ต้องเขินอายกันแล้ว ถ้ามองจากข้างบนจะเห็นการเคลื่อนไหวของกระดานของสมาชิกของแต่ละพรรคที่มีโอกาสจะได้เป็นส.ส.แล้วก็ค่อยตัดสินใจ
"วราวิทย์" หมายถึง พล.อ.ประยุทธ์ค่อยๆรอดูก่อนได้
"รศ.ดร.ธนพร" ค่อยๆดูครับ เพราะอย่าลืมว่า พรรคไหนก็ตามที่จะเสนอชื่อ"ลุงตู่" ต้องมั่นใจก่อนว่าอย่างน้อยพรรคนั้นต้องได้ 25 ที่นั่งไม่เช่นนั้น คุณไม่มีสิทธิ์เสนอนะ พรรคไหนที่ดูๆแล้ว ยังไงก็ไม่ถึง 25 ที่นั่ง ก็ไปไม่ได้
"วราวิทย์" เหมือนเป็นเกมจ้องตา ใครจะกระพริบตาก่อนกัน ในขณะที่"พล.อ.ประยุทธ์" มองดูส.ส.ได้ และส.ส.ก็รอพล.อ.ประยุทธ์ว่าจะอยู่ไหน เพราะบางคนอาจจะคิดว่าคะแนน"พล.อ.ประยุทธ์"เอาไปหาเสียงได้ก็ย้ายตามไป ตกลงใครดูใครกันแน่
"รศ.ดร.ธนพร" ผมพูดตรงๆ วันนี้"ลุงตู่"เป็นคนที่ได้เปรียบที่สุดเพราะเป็นคนที่ต่อให้ไม่มีเลือกตั้งหรืออะไรก็แล้วแต่ "พล.อ.ประยุทธ์"มีทรัพยากรอยู่คนเดียว เพราะฉะนั้นเป็นความเสี่ยงของส.ส.ที่ต้องอ่านใจ "พล.อ.ประยุทธ์"ไม่จำเป็นต้องคิดหรอกครับ ว่าแกต้องไปแคร์ใคร เรื่องแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องของเพื่อนฝูง เรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องของอำนาจ
"เพราะฉะนั้น ใจต้องนิ่ง จะคิดว่าคนนี้เป็นเพื่อนผมแล้วต้องเห็นใจคุณไม่เกี่ยว เพราะเรื่องนี้ เรื่องของตัวผมล้วนๆ เราก็ต้องคิดในมุม"ลุงตู่"บ้างเพราะทุกวันนี้ที่เราพูดๆกันอยู่ เรามองในมุของส.ส.ที่กดดัน"ลุงตู่" ว่าต้องตัดสินใจ ถ้าลองคิดว่าเราเป็น"ลุงตู่"แล้วจะรีบตันสินใจทำไมในเมื่อวันนี้ผมมีงบประมาณใช้วันละร้อยล้าน ผมอนุมัติได้ทุกวัน วันนี้เขาอยู่บนจุดสูงสุดเข้าปีที่ 8 เขาไม่คิดถึงคนอื่นหรอกครับ วันนี้เอาตัวเองให้รอดก่อนแล้วต้องอยู่ในจุดที่ตัวเองได้เปรียบที่สุดเขาไม่แคร์คนอื่นหรอกครับ"
ผมจะบอกว่าท่านจะมาแคร์คนที่ซึ่งเป็นส.ส.สมัยแรก เกาะใบบุญท่าน แล้วท่านจะต้องไปรักเอาใจเป็นพิเศษจนตัวเองต้องมาอยู่ในจุดที่จะต้องเสี่ยงเพื่อคนพวกนี้ไว้ ในความเป็นจริงของ"พล.อ.ประยุทธ์"ไม่มี เขาคิดถึงแต่ว่าฉันจะตัดสินใจ เมื่อฉันได้เปรียบที่สุดและเกมนี้ฉันต้องเป็นคนกำหนด วันนี้ยิ่งตัดสินใจช้ายิ่งกำหนดง่าย ไม่ว่าจะปีกไหนทั้งนั้นกำหนดง่ายหมด คนที่เดือดร้อนจริงๆ คือคนที่เกาะใบบุญมาในปี 62 "พล.อ.ประยุทธ์"ไม่จำเป็นต้องแคร์ทั้งสองกลุ่ม ไม่มีความจำเป็น
ชมคลิป >>>