6 ตุลาคม 2565 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึง กระแสข่าวการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ มีชื่อของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ว่า มีหลายข่าวลือ ในมุมมองพรรคก้าวไกลมองว่าเหมือนเก้าอี้ดนตรีมากกว่า โดยสิ่งที่สำคัญต่อการเมืองและอนาคตของประเทศไทยว่าจะเดินไปในทิศทางไหน คือระบบการเลือกตั้ง และรัฐธรรมนูญ
ถ้าผลเลือกตั้งออกมาไม่ได้ดั่งใจฝั่งประชาธิปไตยที่ต้องการเปลี่ยนแปลง และรัฐธรรมนูญไม่เปลี่ยนแปลงตามประชาชน ประเทศจะไม่มีทางเปลี่ยนแปลง ดังนั้นในการเลือกตั้งครั้งหน้า พรรคก้าวไกลขอเสนอให้ทำประชามติ สอบถามประชาชนไปพร้อมกับการเลือกตั้งเลยว่าต้องการมีรัฐธรรมนูญใหม่หรือไม่ซึ่งจะเป็นรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ถ้าทำได้เชื่อว่าประเทศไปต่อได้ แต่ถ้าทำไม่ได้จะเกิดการแย่งชิงอำนาจ เกิดความวุนวายเหมือนครั้งที่ผ่านมา
ทั้งนี้การเมืองไทยจะประมาทไม่ได้ และไม่เชื่อว่ารัฐประหารจะหลุดออกจากประเทศไทย เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่ชนชั้นนำรู้สึกว่าอำนาจจะหลุดมือไป ก็จะสามารถใช้มือที่มองไม่เห็นทำให้ตัวเองกลับมาได้ตลอดเวลา หรือกระทั่งการขู่ด้วยระดับรัฐมนตรี แต่ถ้าเป็นคนนอกมองมาก็จะตั้งคำถามว่านี่คือประเทศอะไร ทำไมถึงยังใช้ระบบการขู่แบบนี้อยู่ ทุกอย่างพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเราไม่สามารถแก้ปัญหาได้ทันที เพราะติดระบบดังกล่าวนี้
ส่วนแนวโนมการยุบสภาฯ เชื่อว่าจะยังไม่เกิดขึ้น แต่มองว่าเหตุผลเดียวที่จะทำให้ยุบสภาฯได้คือ การคุยกันไม่ลงตัว หรือการแตกคอกันของพรรคร่วมรัฐบาล สำหรับก้าวไกล มีการเตรียมพร้อมตลอดไม่ว่าจะยุบสภาฯวันนี้ หรือจะเดือนพฤษภาคม ก็เตรียมพร้อมอยู่เสมอ นโยบายต้องโดนใจ คนต้องพร้อม พรรคต้องพร้อม โฟกัสในสิ่งที่ควบคุมได้
ทั้งนี้การเลือกตั้งครั้งหน้าเชื่อว่าฝ่ายประชาธิปไตยจะปักธงได้ เพราะประชาชนต้องการอะไรใหม่ๆ เบื่อกับสิ่งที่เกิดขึ้นตลอด8ปีที่ผ่านมา แต่ก็ประมาทไม่ได้ เช่นการเขียนเขต การใช้ระบบอุปถัมป์ การใช้บุคลากรของภาครัฐ รัฐมนตรีลงพื้นที่ได้ดูแลได้ แต่ส.ส.ทำไม่ได้ ใน 180 วันนี้ต้องระวัง อยากฝาก กกต. ให้แบ่งเขตให้ชัดเจน ยุติธธรม จะเป็นปนะโชน์ต่อการทำงาน และเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน ในส่วนก้าวไกล ตั้งเป้าหมายไว้ว่าต้องดีขึ้นหรือได้เก้าอี้ส.ส.มากกว่าการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา โดยอยากได้ส.ส.เขต ให้ครบทุกภูมิภาค และต้องได้ส.ส.เขตมากกว่าบัญชีรายชื่อ
“ความเสี่ยงของการเลือกตั้งที่จะถึงนี้ คือการเลือกการเมืองแบบเดิม คนแบบเดิม แล้วหวังผลลัพธ์แบบใหม่”