24 ส.ค.วันวิปโยค "ลุงตู่" ปม 8 ปีนายกรัฐมนตรี

 

แม้ท่าทีล่าสุดของ "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา " จะใช้ความสงบ ขันติ ไม่ตอบคำถามจากบรรดาสื่อมวลชน ใช้เพียงรอยยิ้ม เป็นภาษากายแทนคำพูด และให้ทั้งหมดขึ้นอยู่กับคำวินิจ"ศาลรัฐธรรมนูญ"เป็นผู้ชี้ขาด

 

หากเท้าความกลับไป ประเด็น "8 ปี นายกฯ" ถูกโหมโรงมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหลังจบศึกการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่พยายามหาฤกษ์และจังหวะยื่นตีความเรื่องนี้ เพื่อให้เกิดผลฟีดแบ็กในทางการเมือง จนวันที่ 17 ส.ค. แกนนำฝ่ายค้าน ประกอบด้วย "หมอชลน่าน ศรีแก้ว" หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และ "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" หัวหน้าก้าวไกล พร้อมด้วยพลพรรค

 

ตบเท้าเข้ายื่นรายชื่อ 171 ส.ส. ต่อ "นายหัวชวน หลีกภัย" ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ รับวินิจฉัยตีความ 8 ปี ก่อนสภาผู้แทนราษฎรยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ววันนี้(22 ส.ค.65 )

นัยยะของเนื้อหาการยื่นเรื่องต่อศาล มี 2 ประเด็นสำคัญ คือ

 

1.นับดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ของ พล.อ.ประยุทธ์ เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค.57 และดำรงตำแหน่งต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน

 

2.รัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสอง มาตรา 158 วรรคสี่ และมาตรา 264 ห้ามนายกรัฐมนตรีดำรงตำแหน่งเกินกว่า 8 ปี โดยให้นับระยะเวลาต่อเนื่องและมิได้กำหนดไว้อย่างชัดแจ้งว่าต้องเป็นนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญนี้เท่านั้น

 

 

แน่นอนว่าการเดินเกมของฝ่ายค้าน ในการยื่นเรื่องต่อสภาเพื่อส่งศาล แม้เป็นไปตามขั้นตอนที่เปิดไว้ในรัฐธรรมนูญ ที่สามารถกระทำได้ แต่เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสำคัญ

 

เพราะหากผลออกมาทิศทางใด ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดไม่สามารถขัดขืน หรือปฏิเสธได้ เนื่องจากคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ถือว่ามีผลผูกพันต่อทุกองค์กร

 

แม้ฝ่ายสนับสนุน "บิ๊กตู่" ซึ่งออกมาเคลื่อนไหวให้ความเห็น โดยยึดตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 158 ส่วนอีกฝ่ายที่คงไม่ต้องพูดถึงพยายามเดินเครื่อง โดยให้นับย้อนกลับไปตั้งแต่ช่วงยึดอำนาจบริหารประเทศ ทั้งหมดเป็นเพียงภาพรวมจากฝ่ายการเมือง เดินเครื่องบดขยี้

 

 

สอดรับกับการเมืองภาคประชาชน อย่างคณะหลอมรวมประชาชนของ "จตุพร พรหมพันธุ์" ประธาน นปช. และ "นิติธร ล้ำเหลือ" หรือ ทนายนกเขา จากกลุ่มประชาชนคนไทย นัดจัดกิจกรรม ณ ลานคนเมือง ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ในวันที่ 23 ส.ค. เพื่อขับไล่ลุงประยุทธ์ พร้อมเซอร์ไพรส์ช่วงเที่ยงคืน โดยหากยังขืนอยู่ต่ออาจไปปักหลักหน้าทำเนียบรัฐบาล

 

นอกจากนี้ ยังมีกลุ่ม 14 ขุนพลคณะราษฎร จัดกิจกรรมขีดเส้นตายไล่เผด็จการ บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยและเคลื่อนขบวนไปยังทำเนียบฯ เริ่มเวลา 17.00 น. ในวันที่ 23 ส.ค. และกลุ่มราษฎรไล่ตู่ คนแดงปฏิวัติ ซึ่งจะจัดกิจกรรมบริเวณแยกราชประสงค์ ก่อนเคลื่อนมาทำเนียบรัฐบาล โดยเริ่มเวลา 14.00 น. ของวันที่ 24 ส.ค. เป็นต้น

 

แต่อย่ามองข้าม ฝ่ายที่สนับสนุน"พล.อ.ประยุทธ์"  ซึ่งกำลังจับจ้องการเคลื่อนไหวของกลุ่มต่อต้าน"พล.อ.ประยุทธ์"   ล่าสุดจับท่าทีการให้สัมภาษณ์ของ "แรมโบ้อีสาน" เสกสกล อัตถาวงศ์ ว่าที่หัวหน้าพรรคเทิดไท ทั้งกรณีที่มีกลุ่มนักวิชาการ 8 สถาบัน และองค์กรสื่อทำการโหวต โดยเสียงส่วนใหญ่ 90 กว่าเปอร์เซนต์ ไม่เห็นควรให้พล.อ.ประยุทธ์ ดำรงตำแหน่งเกิน 8 ปีนับจากวันที่ 24 ส.ค.นี้เป็นต้นไป ว่า "ยังมีผลโพลที่พร้อมสนับสนุนให้พล.อ.ประยุทธ์ บริหารประเทศอยู่ต่อไป อีกทั้งยังมีผู้สนับสนุน "ลุงตู่" อีกจำนวนมาก ที่ยังไม่ได้ออกมาแสดงพลังให้เห็น" 

 

 

เมื่อกล่าวถึงบรรทัดนี้ คงต้องนึกถึง "อานนท์ แสนน่าน" ตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกฯ ในฐานะ ประธานหมู่บ้านเทิดไท้องค์ราชันแห่งประเทศไทย และอดีตประธานหมู่บ้านเสื้อแดง 4 ภาค ซึ่งทำหน้าที่ประสานงานด้านมวลชนกับแรมโบ้อีสาน เพราะก่อนหน้านี้ไม่กี่วันได้มีการประชุมพร้อมออกมาประกาศท่าทีสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ให้บริหารงานบ้านเมืองต่อไป

 

นั่นจึงเป็นการส่งสัญญาณบางประการ หาก การเคลื่อนไหวของกลุ่มต่อต้าน"นายกฯลุงตู่"กระทำการบางอย่างให้เกิดการบานปลาย  

 

ฉะนั้น วันที่24 ส.ค. จึงถือเป็นวันสำคัญที่จะชี้ชะตา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับคุณสมบัติต่อการดำรงตำแหน่งนายกฯ รวมไปถึงทิศทางบ้านเมืองต่อจากนี้ ว่าจะเป็นการเพิ่มหรือลดอุณหภูมิการเมืองภายในประเทศได้หรือไม่