"ทีมข่าวเนชั่นทีวี" ได้พูดคุยกับ "ผศ.ดร.ฐิติวุฒิ บุญยวงศ์วิวัชร" อาจารย์คณะรัฐศาสตร์และประศาสนศาสตร์ ม.เชียงใหม่ บอกว่า ธุรกิจตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา แต่ก่อนจะเป็นเรื่องค้าขายด้านทรัพยากรธรรมชาติ เช่น การค้าไม้ ค้าพลอย ต่างๆ
แต่หลัง"เมียนมา"เปิดประเทศ รัฐบาลควบคุมพื้นที่ได้ มีการตกลงกับชนกลุ่มน้อยในเรื่องผลประโยชน์ได้สำเร็จ ในปี 2015 มีนักลงทุนต่างชาติเข้ามาจากจีน จากไทย เช่น การลงทุนสถานบันเทิง คาสิโน ต่างๆ รัฐบาลเองสามารถควบคุมเก็บภาษีได้ชัดเจน
หากถามว่าการค้ายาเสพติด การเล่นการพนัน หรือการเปิดสถานบันเทิงเป็นธุรกิจสีเทาหรือไม่ ตอบได้ยากเพราะข้อกำหนดกฎหมายของแต่ละประเทศต่างกัน
สำหรับการจับกุม"นายทุน มิน ลัท" นั้น "อาจารย์ฐิติวุฒิ" มองว่า เขามีประวัติเป็นโบรกเกอร์ในการจัดหาอาวุธให้กับรัฐบาลเมียนมาอยู่แล้ว โดยนานาชาติ ได้เคยพยายามกดดันให้ไทยตัดสัมพันธ์ทางการค้ากับเมียนมาเป็นระยะ
และการจับกุม"นายทุน มิน ลัท" ครั้งนี้ อาจมองได้ 2 ประเด็น คือ 1.มีการกระทำผิดเรื่องยาเสพติดชัดเจน 2.มีความสลับซับซ้อนในการจับกุม หวังผลทางการเมือง เพราะมีหลายๆ สิ่ง ที่เจ้าหน้าที่ไม่ชี้แจงให้ชัดเจนและมีเงื่อนงำอยู่
ส่วนประเด็นจับกุมปัญหายาเสพติด "อาจารย์ฐิติวุฒิ" มองว่ามีการจับกุมอยู่เป็นระยะ ที่น่าเป็นห่วงคือสถานการณ์ภายในเมียนมา ที่ยาเสพติดจะระบาดเพิ่มมากขึ้น ซึ่งไทยอาจเป็นทั้งทางผ่านยาเสพติดไปยังประเทศที่ 3 และบางส่วนอาจถูกส่งเข้ามาในประเทศไทย
โดยองค์กรค้ายาเสพติดเหล่านี้ สำหรับแง่ของการบังคับใช้กฎหมาย หรือในบางกรณีที่อยู่ในการสืบสวนสอบสวน บางคดีมีผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ เช่น เรื่องยาเสพติดก็ส่งผลกระทบต่อระดับภูมิภาค ในแง่ของตลาดการค้ายาเสพติดมีระบบการปกครองแบบวงการมาเฟีย บางทีการค้ายาเสพติดก็นำเงินมาจัดซื้ออาวุธเพื่อเอามาต่อสู้และทำสงคราม
ถ้าจะให้ชี้ว่ามีตัวละครอะไรอยู่ข้างในถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อนหลายครั้งมีข่าวถูกจับเรื่องค้ายาเสพติด เงินจะถูกใช้ในสงครามกลางเมือง
เรื่องการบังคับใช้กฎหมายในการจับกุมยาเสพติด ทำให้แหล่งเครือข่ายการฟอกเงินอ่อนแอถือว่าเป็นข้อดี แต่ปัจจุบันแหล่งผลิตยาเสพติดอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านเราจะควบคุมยาก
ทางการไทยต้องสนใจในความรุนแรงของสงครามกลางเมืองในเมียนมาด้วย ยิ่งสงครามจะมีความรุนแรงขึ้นในอีก 2 ปีนี้ จะต้องมีการวางแผนระยะยาว ยาเสพติดมีอัตราเพิ่มขึ้นทุกปี และมีความซับซ้อนมากขึ้น ดูได้การจับกุมแต่ละครั้ง มองได้ว่าประเทศไทยอาจจะเป็นทางผ่านของยาเสพติดไปประเทศอื่น และเป็นตลาดบริโภคด้วย
ฉะนั้นสิ่งที่จะเห็นในชายแดนไทย เมียนมาในอนาคตที่มันจะรุนแรงมากขึ้นคือระบบการปกครองด้วยยาเสพติด ที่มันต้องใช้ทุนในยาเสพติด ตรงนี้มีผลกระเทือนต่อความมั่นคง แต่กรณีของการบังคับใช้กฎหมายในแง่ขอการติดตามสถานการณ์ของสื่อมวลชนต้องติดตามอย่างใกล้ชิดยิ่งมีความซ่อนเงื่อนแบบนี้และประชาชนเป็นผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนกับยาเสพติดยิ่งต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
นอกจากนั้น"ผศ.ดร.ฐิติวุฒิ" ยังทิ้งท้ายว่า เขาอยากเห็นท่าทีไทยในแง่ชายแดน และจุดยืนในเรื่องสงครามกลางเมืองเมียนมากับผลกระทบความมั่นคงของไทย ตอนนี้เหมือนกับน้ำทะลักเขื่อนออกมา ทางการลาวและไทยต่างจับคนค้ายาเสพติดได้จำนวนมาก ถือว่าสถานการณ์น่าเป็นห่วง