23 สิงหาคม 2565 จับตาปม "8 ปีนายก" พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี เต็มคณะตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาลในเวลา 07.58 น. ท่ามกลางสถานการณ์กลุ่มผู้ชุมนุมรอบทำเนียบรัฐบาล
ก่อนการประชุม พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระหว่างเดินจากตึกไทยคู่ฟ้า มายังตึกสันติไมตรีทำเนียบรัฐบาล นายกรัฐมนตรีมีสีหน้าที่เรียบเฉย โดยไม่หันมาทักทายสื่อมวลชนที่รออยู่บริเวณด้านหน้าเหมือนปกติแต่อย่างใด ก่อนที่จะเข้าร่วมกิจกรรมการประชาสัมพันธ์งาน ของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนที่นายธนกร วังบุญคงชนะ อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีจะเข้ารายงานตัวต่อสภาผู้แทนราษฎรเพื่อเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในช่วงบ่าย ได้ปรากฏตัว ถ้านายกรัฐมนตรีเคียงข้างพลเอกประยุทธ์ ก่อนที่จะเข้าร่วมการประชุม
สำหรับวาระที่น่าสนใจในวันนี้ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สศช. เสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พิจารณาอนุมัติ การใช้จ่ายเงินกู้เพิ่มเติมฯ จำนวน 18,000 ล้านบาท สำหรับใช้รักษาพยาบาลผู้ติดเชื้อโควิด-19 ของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สปสช.
ขณะที่กระทรวงมหาดไทย เตรียมที่จะเสนอบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้าย ข้าราชการระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย เป็นวาระจรต่อที่ประชุม ครม.พิจารณาเพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่างลงหลังจากมีการเกษียณอายุราชการในเดือนต.ค.2565 และมีการโยกสลับตำแหน่งในระนาบเดียวกัน จำนวนทั้งสิ้น 34 ราย ประกอบด้วย อธิบดี 3 ตำแหน่ง ผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้ตรวจราชการกระทรวงฯ 31 ตำแหน่ง
สำหรับตำแหน่งที่น่าสนใจ ได้แก่ อธิบดีที่เกษียณอายุราชการ 3 ตำแหน่ง ดังนี้
นอกจากนี้ที่ประชุมจะมีการเสนอมาตรการบรรเทาผลกระทบจากค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) งวดเดือนกันยายน-ธันวาคม 2565 ที่เพิ่มขึ้นอีก 68.66 สตางค์ต่อหน่วย ทำให้ค่าเอฟทีรวมเป็น 93.43 สตางค์ต่อหน่วย เมื่อรวมกับค่าไฟฐาน ทำให้ค่าไฟที่ประชาชนต้องจ่ายรวมเป็น 4.72 บาทต่อหน่วยนั้น โดย กบง.นั้น ได้วางกรอบช่วยเหลือผู้ใช้ไฟฟ้า ตั้งแต่ 1-500 หน่วย เนื่องจากเป็นกลุ่มประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศกว่า 22 ล้านครัวเรือน หรือคิดเป็น 90% ใช้เงินดูแลประมาณ 7,000-8,000 ล้านบาท ส่วนแหล่งเงินทุนอยู่ที่ ครม.ว่าจะพิจารณาใช้งบกลางที่เหลือของปี 2565 ทั้งหมด หรือจะใช้งบประมาณ 2566 ด้วยหรือไม่ เพราะกรอบเวลาการช่วยเหลือเป็นช่วงรอยต่อปีงบประมาณ 2565-2566
นายกฯ ย้ำวาระ 8 ปี อยู่ที่ดุลพินิจศาล
ด้าน นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีที่จะมีการชุมนุมของกลุ่มต่าง ๆ ในช่วงนี้ เพื่อกดดันให้นายกรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่งว่า ด้วยสถานการณ์ในปัจจุบันที่ยังมีความเสี่ยงต่อการแพร่และติดเชื้อโควิด-19 การชุมนุมดังกล่าวจึงเสี่ยงที่จะขัดต่อกฎหมายห้ามการชุมนุม การทำกิจกรรม การมั่วสุม ที่ก่อให้การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตามประกาศก่อนหน้านี้ จึงขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการรวมตัวดังกล่าว และขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงเส้นทางและบริเวณที่มีการชุมนุม เช่น รอบศาลาว่าการ กทม., แยกราชประสงค์ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และทำเนียบรัฐบาล เพราะอาจไม่ได้รับความสะดวกในการเดินทาง
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวย้ำว่า สำหรับเรื่องวาระการดำรงตำแหน่ง 8 ปีของนายกรัฐมนตรีนั้น นายกรัฐมนตรีขอให้ยึดหลักกฎหมายเป็นสำคัญ เพราะทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมาย รวมถึงตัวนายกรัฐมนตรีเองด้วย ดังนั้นผลจะออกมาอย่างไรจึงขึ้นอยู่กับการพิจารณาของศาล นายกรัฐมนตรีไม่อาจก้าวล่วงอำนาจศาลได้ ทั้งนี้ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นในกฎหมายและหลักนิติธรรมของบ้านเมือง ซึ่งเป็นกลไกสำคัญของการอยู่ร่วมกันในสังคม และช่วยให้ประเทศชาติสงบสุข
ขณะที่บรรยากาศหน้าทำเนียบรัฐบาลหลังจากที่มีกลุ่มมวลชนประกาศจะเดินทางมาทำกิจกรรมที่ทำเนียบรัฐบาลในช่วงวันที่ 23-24 ส.ค.นี้ กรณีการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8 ปี ของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี บริเวณรอบทำเนียบรัฐบาล มีการเตรียมพร้อมรับการชุมนุม ซึ่งวันนี้มีการประชุมคณะรัฐมนตรีแบบเต็มคณะ
โดยตั้งแต่เมื่อคืนนี้เจ้าหน้าที่นำรั้วเหล็กพร้อมตู้คอนเทนเนอร์วางบริเวณแยกพาณิชยการ บนสะพานชมัยมรุเชฐ ถนนพิษณุโลก โดยปิดการจราจรตั้งแต่แยกพาณิชยการจนถึงแยกมิสกวัน ทำให้รถที่มาจากแยกนางเลิ้งต้องเลี้ยวขวาบริเวณแยกพาณิชการไปทางถนนพระราม 5 เท่านั้น
ส่วนบริเวณถนนพระราม 5 ด้านข้างมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร หลังจากเมื่อวานนี้มีการวางตู้คอนเทนเนอร์ ได้มีการนำต้นไม้มาวางปิดด้านหน้าพร้อมวางลวดหนามหีบเพลงบนตู้อีกชั้น
ขณะที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ ถนนราชดำเนินนอก เจ้าหน้าที่วางตู้คอนเทนเนอร์ ปิด 2 ช่องทาง ด้านซ้ายและขวาของสะพาน โดยยังเปิดช่องทางหลักตรงกลางให้รถสัญจรได้ตามปกติ