“ทรัมป์” โพสต์ทรู้ธ โซเชียล หนังคนละม้วนกับผู้นำสองฝ่ายแถลง

13 ธันวาคม 2568 ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ โพสต์บนแพลตฟอร์มโซเชียล มีเดีย "ทรู้ธ โซเชียล" (Truth Social) ที่เขาเป็นผู้ก่อตั้งว่า เช้านี้ผมได้สนทนาอย่างดีเยี่ยมกับนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย อนุทิน ชาญวีรกุล และนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ฮุนมาเนต เกี่ยวกับการปะทุขึ้นอีกครั้งของสงครามอันน่าเศร้าที่ยืดเยื้อมานาน พวกเขาตกลงที่จะหยุดยิงทั้งหมด (CEASE all shooting) ในเย็นวันนี้ และกลับไปสู่ข้อตกลงสันติภาพ (Peace Accord) ที่ทำไว้กับผมและพวกเขา โดยได้รับความช่วยเหลือจากนายกรัฐมนตรีผู้ยิ่งใหญ่ของมาเลเซีย (Great Prime Minister of Malaysia) นายอันวาร์ อิบราฮิม

ระเบิดข้างถนน (roadside bomb) ที่คร่าชีวิตทหารไทย และบาดเจ็บจำนวนมากในตอนแรกนั้น "เป็นอุบัติเหตุ"(accident) แต่ประเทศไทยก็ตอบโต้กลับอย่างรุนแรง ทั้งสองประเทศพร้อมที่จะสร้างสันติภาพและทำการค้ากับสหรัฐอเมริกาต่อไป
 

ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่ได้ร่วมงานกับอนุทินและฮุนมาเนต ในการแก้ไขปัญหาที่อาจพัฒนาไปสู่สงครามครั้งใหญ่ระหว่างสองประเทศ ที่ยอดเยี่ยมและเจริญรุ่งเรือง!
 

ผมขอขอบคุณนายกรัฐมนตรีของมาเลเซีย นายอันวาร์ อิบราฮิม สำหรับความช่วยเหลือในเรื่องสำคัญนี้ด้วย 
 

"ฮุนมาเนต" โพสต์โชว์คุย "ทรัมป์-อันวาร์" โวตนเองเคารพกติกามาโดยตลอด
 

ขณะที่ ฮุนมาเนต นายกฯ กัมพูชา โพสต์ข้อความระบุว่า ฉันได้มีการหารือทางโทรศัพท์กับ H.E. Anwar Ibrahim นายกรัฐมนตรีของมาเลเซีย ในวันพฤหัสบดีที่ 11 ธันวาคม และเมื่อคืนวันที่ 12 ธันวาคม 2025 กับประธานาธิบดี H.E. US Donald Trump เพื่อหาวิธีการหยุดยิงระหว่างกัมพูชา - ประเทศไทย และได้รับทั้งสองฝ่ายกลับไปใช้การประกาศร่วมกัวลาลัมเปอร์

ฉันขอขอบคุณท่านทั้งสอง สําหรับความพยายามอย่างต่อเนื่องของพวกเขา ในการบรรลุสันติภาพระยะยาวระหว่างกัมพูชาและ ประเทศไทย กัมพูชารักษาจุดยืนในการแสวงหาการแก้ปัญหาข้อพิพาทอย่างสันติสุข  สอดคล้องกับจิตวิญญาณของประกาศร่วมกัวลาลัมเปอร์
 

ในช่วงบ่ายของวันที่ 7 ธันวาคม 2025 ที่นําไปสู่การต่อสู้ระหว่างสองประเทศ ผมได้แนะนําว่ากองทัพสหรัฐฯ และมาเลเซีย สามารถใช้ความสามารถในการรวบรวมข่าวกรองได้ เช่น ภาพถ่ายดาวเทียมที่ถ่ายระหว่างและหลังจากนั้น เป็นเวลา 24 ชั่วโมง เพื่อตรวจสอบว่าฝ่ายไหนถูกยิงก่อน วิธีนี้อาจเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดและโปร่งใสที่สุดในการตรวจสอบข้อเท็จจริง กัมพูชาพร้อมให้ความร่วมมือในกรณีจําเป็น