สื่อกัมพูชาแฉเอง สาเหตุรบไทย เพื่อกลบปัญหาเศรษฐกิจ แรงงานว่างงาน 72%

13 ธันวาคม 2568 สื่อกัมพูชา "คีรี โพสต์" (Kiri Post) รายงานอ้างผลการสำรวจของ "แพลน อินเตอร์เนชั่นแนล" (Plan International) องค์กรพัฒนาและมนุษยธรรมอิสระ ที่ส่งเสริมสิทธิเด็กและความเท่าเทียมกันสำหรับเด็กผู้หญิงว่า เฉพาะที่จังหวัดเสียมราฐเพียงแห่งเดียวพบว่า แรงงานชาวกัมพูชาที่เดินทางกลับจากประเทศไทย ในช่วงการสู้รบระลอกแรกในเดือนกรกฎาคมเกือบ 72% ยังคงว่างงาน และส่วนใหญ่ยังมีปัญหาสุขภาพจิตรุมเร้า ทำให้เกิดเสียงเรียกร้องให้มีการแทรกแซงจากหลายภาคส่วนอย่างเร่งด่วน 
 

รายงานฉบับใหม่ของ "แพลน อินเตอร์เนชั่นแนล" ระบุว่า ในช่วงกลางปี ​​2568 แรงงานชาวกัมพูชามากกว่า 900,000 คน ได้อพยพออกจากประเทศไทย ท่ามกลางความขัดแย้งทางอาวุธที่ทวีความรุนแรงขึ้นตามแนวชายแดน และจากการสำรวจผู้ตอบแบบสอบถามที่เดินทางกลับจากประเทศไทย จำนวน 433 คน ใน 6 อำเภอ ได้แก่ อังกอร์ชุม สเรย์สนัม บันเตียสเรย์  สวายเลอ อังกอร์ทอม และปราสาทบากอง ที่ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง (66.51%) และมีอายุ 25 ปีขึ้นไป 
 

การเปิดเผยมีขึ้นระหว่างการประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่อง "รายงานการประเมินความต้องการของแรงงานอพยพที่เดินทางกลับประเทศ" (Returned Migrants Needs Assessment Report) พร้อมกับการเปิดตัวรายงานเรื่อง "เอ็มพาวเวอร์ เฮอร์ : การส่งเสริมโอกาสทางเศรษฐกิจสำหรับหญิงสาวที่เดินทางกลับประเทศ (EMPOWER Her: Advancing Economic Opportunities for Young Women Migrant Returnees) เมื่อวันที่ 11 ธันวาคมที่ผ่านมา
 

ยี คิมธัน อี คิมทัน รองผู้อำนวยการของแพลนฯ ประจำกัมพูชา บอกว่า "สุขภาพจิตเป็นปัจจัยหลักสำหรับแรงงานอพยพที่เดินทางกลับจากประเทศไทย" เมื่อ "สภาพการณ์ของการกลับคืนสู่ถิ่นฐาน เต็มไปด้วยความหวาดกลัว การเลือกปฏิบัติ และการสูญเสียรายได้อย่างรวดเร็ว ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสุขภาพจิตของผู้ที่กลับมา ผลการศึกษาต่างๆ ที่ออกมาตอกย้ำความชุกของความเครียด ความวิตกกังวล และภาวะซึมเศร้า ซึ่งเชื่อมโยงโดยตรงกับความไม่มั่นคงทางการเงินและการสูญเสียแหล่งทำมาหากิน" ซึ่งเธอได้เรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงแรงงานและการฝึกอบรมวิชาชีพ (MLVT) และกระทรวงกิจการสตรี ให้เร่งเข้าให้ความช่วยเหลือ
 

รายงานอ้างว่า การจ้างงานส่วนใหญ่เปลี่ยนไปเป็นการก่อสร้างและเกษตรกรรม โดยกว่าครึ่งมีรายได้มากกว่า 251 ดอลลาร์ต่อเดือน (เกือบ 8,000 บาท) แม้ว่าร้อยละ 77.6% จะเข้าเมืองอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่หลายคนต้องเผชิญกับสภาพการทำงานที่ไม่ปลอดภัย และต้องเดินทางกลับ เนื่องจากถูกบังคับหรือเกิดเหตุการณ์กะทันหัน รายงานย้ำว่า เมื่อพวกเขากลับไป กลับต้องว่างงานถึง 71.82% มีเพียง 12.01% ที่ได้เข้ารับการฝึกอบรมวิชาชีพหรือเข้าร่วมโครงการจัดหางาน