
15 พฤศจิกายน 2568 กระทรวงต่างประเทศจีน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกาศเตือนพลเมืองชาวจีนให้หลีกเลี่ยงการเดินทางไปญี่ปุ่น โดยอ้างว่าปีนี้มีอาชญากรรมต่อชาวจีนในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น ส่วนชาวจีนที่อาศัยอยู่ในญี่ปุ่น ได้รับคำแนะนำเพิ่มความระมัดระวังด้านความปลอดภัย โดยเชื่อว่า สาเหตุที่แท้จริงของเรื่องนี้ เกิดจากจีนมองว่า นายกรัฐมนตรี ซานาเอะ ทาคาอิชิ ของญี่ปุ่น "ใช้คำพูดยั่วยุ" จากการให้สัมภาษณ์ว่า
ถ้าจีนใช้กำลังทางทหาร หรือปิดล้อมไต้หวัน โดยมี "เรือรบและการใช้กำลัง" รวมอยู่ด้วย นั่นอาจ "กลายเป็นสภาวะที่ภัยคุกคามการอยู่รอดของญี่ปุ่น" (survival-threatening situation) ที่อาจทำให้ญี่ปุ่นใช้สิทธิ "ร่วมป้องกันตัว" (collective self‑defence) ได้ตามกฎหมายปี 2558 ของญี่ปุ่น
ซานาเอะพูดอย่างชัดเจนว่า ถ้าสถานการณ์ไต้หวันเลวร้าย ถึงขนาดที่เป็นภัยคุกคามต่อญี่ปุ่น ก็อาจทำให้ญี่ปุ่นต้อง "เข้าไป" เกี่ยวข้อง ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับจีน ที่ยังคงยึดมั่นว่า ไต้หวันเป็นเพียงมณฑลหนึ่งของจีน และการยึดไต้หวันเป็น "กิจการภายในของจีน" ถ้าญี่ปุ่นเข้าไปเกี่ยวข้อง ถือเป็นการ "แทรกแซงกิจการภายในของจีน" ที่จีนไม่สามารถยอมรับได้และเรียกร้องให้ญี่ปุ่น "แก้ไขพฤติกรรมผิดพลาด" พร้อมกับเตือนว่า ถ้าญี่ปุ่นเข้าไปยุ่งเกี่ยวจะ "ต้องรับผลที่ตามมา"
สัญญาณที่บ่งชี้ว่า ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีนกับญี่ปุ่น กำลังเสื่อมถอยลงเรื่อยๆ การที่กระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น เรียกตัวเอกอัครราชทูตจีนประจำญี่ปุ่นเข้าพบเพื่อประท้วงอย่างเป็นทางการ หลังจาก "ซิ่ว เจียน" กงสุลใหญ่ของจีน ณ นครโอซากา โพสต์บนโซเชียล มีเดีย ด้วยถ้อยคำรุนแรง
"หัวสกปรกที่โผล่ออกมาต้องตัดออกไป" (the dirty headthat sticks itself in must be cut off)
ที่ญี่ปุ่นระบุว่า "ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง" และหลังจากนั้น ก็มีเรือรบของจีนแล่นผ่านน่านน้ำใกล้ญี่ปุ่น ที่ถูกมองว่าอาจเป็นการส่งสัญญาณจากจีน
ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับญี่ปุ่น ถูกจับจ้องนับตั้งแต่ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ไม่ได้ส่งสารแสดงความยินดีต่อ ทาคาอิชิ นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง ผิดปกติจากที่เคยส่งสารแสดงความยินดีทันที ในวันเดียวกันกับที่ผู้นำใหม่ของญี่ปุ่นเข้ารับตำแหน่ง