
การประกาศรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพประจำปี 2025 ที่ตกเป็นของ มาเรีย คอรินา มาชาโด วัย 58 ปี ผู้นำฝ่ายค้านเวเนซุเอลา จากความพยายามส่งเสริมประชาธิปไตยในช่วงเวลาที่ประเทศต่างๆ กำลังก้าวเข้าสู่ระบอบเผด็จการมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเบียดชนะประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ถูกจับตามองจากทั่วโลกจะมีสิทธิ์สร้างเซอร์ไพรส์ขึ้นมาเป็นผู้ชนะโนเบลสันติภาพในปีนี้ โดยทรัมป์ได้อ้างบทบาทไกล่เกลี่ยความขัดแย้งระหว่างประเทศหลายครั้ง อาทิ อินเดียกับปากีสถาน และไทยกับกัมพูชา
หลังไม่ได้รางวัลโนเบลที่ทรัมป์แสดงออกชัดเจนว่าตั้งความหวัง กับรางวัลโนเบลสันติภาพ วันนี้ทรัมป์จึงมีอารมณ์ขุ่นมัวมากเป็นพิเศษ
-ทรัมป์ หันไปทะเลาะกับจีน ประกาศจะลงโทษจีนโดยขึ้นภาษีศุลกากรอย่างหนัก
-ทรัมป์ กล่าวหาว่าจีนเตะถ่วงเรื่องการเจรจาส่งออกแร่หายาก rare earths metals resources ซึ่งอเมริกาต้องการมากในการพัฒนาเทคโนโลยีชั้นสูงและจีนผูกขาดการแปรรูปและส่งออก (จีนมีส่วนแบ่งการตลาด 70% ของโลก)
-ทรัมป์ขู่ว่าคงจะไม่ไปร่วมประชุม APEC ที่เกาหลีใต้ ในอีก 2 สัปดาห์นี้ (31 ต.ค.-1 พ.ย. 2568) ซึ่งเดิมทีหวังว่าจะพบตัวต่อตัวกับสีจิ้นผิง
-ตลาดหุ้นอเมริการ่วงแดงเต็มกระดานทันที เนื่องจากนักลงทุนตั้งความหวังไว้ว่าประธานาธิบดีทั้งสองของสหรัฐฯและจีนพบกันตัวต่อตัวจะนำมาสู่ข่าวดี หุ้นเทคโนโลยีและหุ้นที่เกี่ยวกับจีนถูกเทขายเฉียบพลัน
-เรื่องการประชุมอาเซียนที่มาเลเซียในวันที่ 26-28 ต.ค.2568 นี้ ก็คงหมดหวังที่จะเห็นทรัมป์ มาเป็นประธานพิธีลงนามความตกลงสันติภาพระหว่างกัมพูชากับไทย ซึ่งเป็นความประสงค์อย่างกระตือรือร้นของนายกรัฐมนตรีมาเลเซียและกัมพูชาเป็นพิเศษ
อาจารย์กฤษฎา บุญเรือง นักวิชาการอิสระ และประสานงานกับฝ่ายต่างๆ ในสหรัฐอเมริกา รวมถึงเครือข่ายคนไทยในสหรัฐฯ กล่าวเพิ่มเติมกับ “ข่าวข้นคนข่าว” ว่า การที่ทรัมป์ไม่เดินทางมาที่มาเลเซีย ในความคิดส่วนตัวถือว่าดีแล้ว และไม่ควรมาอย่างยิ่ง เพราะมีผลเสียมากกว่าผลดี
หลายคนคาดการณ์ไว้แล้วว่าคงมาไม่ได้อย่างแน่นอน เนื่องจากปัญหารุมเร้ามากมายทั่วโลก โดยเฉพาะภายในสหรัฐอเมริกาเอง
ส่วนเรื่องการยกเลิกไม่ไป APEC ที่เกาหลีใต้นั้น อาจเป็นเพราะไม่สามารถเสี่ยงปลีกตัวออกจากเรื่องเร่งด่วนไปได้ แม้ว่าทางทำเนียบขาวจะไม่ยอมรับว่าเป็นการวางแผนล่วงหน้าแล้ว แต่นั่นก็เป็นกลวิธีทางการทูตปกติ
สำหรับสภาวะแวดล้อมอื่นๆ ในช่วงที่อารมณ์ของทรัมป์ขุ่นมัว และเรื่องรางวัลโนเบล ไม่เป็นไปตามที่หวัง จึงเปิดศึกกับจีนอีกรอบนั้น ส่งผลให้หุ้นสหรัฐฯร่วงอย่างรุนแรงวันที่ 10 ตุลาคม 2568 คล้ายกับเมื่อตอนต้นเดือนเมษายน 2568 ซึ่งทรัมป์ประกาศภาษีศุลกากรแบบช็อคโลก และคาดว่าจะทำให้หุ้นจีนร่วงภายในต้นสัปดาห์หน้าด้วย
เป็นการย้ำถึงความสำคัญของสองเศรษฐกิจหลักของโลก คือสหรัฐอเมริกาและจีน ซึ่งส่งผลกระทบทั่วโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ดาวโจนส์ร่วงแล้ว -600+ / อัตราน้ำมันดิบร่วง 4+% / ทองคำขึ้น 1.17%
ประเด็นร้อนเปิดใหม่วันนี้คือ ทรัมป์กดดันเชิงบังคับให้จีนซื้อถั่วเหลือง / ซึ่งกำลังเป็นวิกฤติใหญ่ในภาคเกษตร/ เนื่องจากจีนหยุดการนำเข้าถั่วเหลืองจากสหรัฐอเมริกาอย่างเด็ดขาดในปีนี้ เพื่อตอบโต้สงครามภาษีศุลกากร
ปี 2024 จีนซื้อถั่วเหลืองจากสหรัฐ 12.6 พันล้านเหรียญ ซึ่งเกินกว่าครึ่งหนึ่งของปริมาณการส่งออกถั่วเหลืองทั้งหมดของสหรัฐฯ และปีนี้มีเกษตรกรหลายร้อยครอบครัวประกาศล้มละลาย และมีการประท้วงทั่วประเทศ จนทำให้นักการเมืองของพรรครีพับลิกันไม่กล้าไปพบปะประชาชนในพื้นที่
ล่าสุดทรัมป์ลงนามเพิ่มภาษีศุลกากรใหม่ 100% สําหรับสินค้านําเข้าจากจีน “นอกเหนือจากภาษีใดๆ ที่พวกเขาจ่ายในปัจจุบัน” เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2568
และจะกําหนดการควบคุมการส่งออกใน "ซอฟต์แวร์ที่สําคัญใด ๆ และทั้งหมด" ทำให้ดาวโจนส์ร่วง 900 จุด และต้องรอดูว่าจีนจะตอบโต้อย่างไร