
ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 0.76% ทันทีที่เปิดตลาดในเช้าวันพุธ (21 พฤษภาคม) ดัชนีเอสแอนด์พี500 ลดลง 0.51% และดัชนีแนสแด็ก คอมโพสิต ลดลง 0.73% ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับร่างกฎหมายลดภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่บรรดานักเศรษฐศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบาย เตือนว่า จะทำให้หนี้สาธารณะของประเทศและยอดขาดดุลงบประมาณเพิ่มสูงขึ้นมหาศาล แต่รัฐบาลทรัมป์ อ้างว่า การลดภาษีแก่ผู้บริโภคและธุรกิจของสหรัฐฯ จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ
ขณะที่คณะกรรมาธิการข้อบังคับสภาผู้แทนราษฎรเริ่มการอภิปรายร่างกฎหมายลดภาษีและลดรายจ่ายรัฐบาลของประธานาธิบดีทรัมป์เมื่อเวลา 1.00 น. วันนี้ตามเวลาท้องถิ่น โดยร่างกฎหมายที่เสนอโดยพรรครีพับลิกันตามคำสัญญาของประธานาธิบดีทรัมป์ ที่จะรื้อฟื้นกฎหมายลดภาษีและสร้างงานในปี 2560 ช่วงดำรงตำแหน่งสมัยแรก โดยบางมาตรการกำลังจะหมดอายุในสิ้นปีนี้
แม้ร่างกฎหมายครอบคลุมการตัดรายจ่ายของรัฐบาลด้วย แต่บทวิเคราะห์ขององค์กรอิสระ คาดว่า การลดภาษีจะทำให้สูญเสียรายได้ 7.7 ล้านล้านดอลลาร์ใน 10 ปีข้างหน้า แต่ลดรายจ่ายได้ 3.9 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงเวลาเดียวกัน ทำให้จะขาดดุล 3.8 ล้านล้านดอลลาร์
เมื่อวันศุกร์สถาบันการจัดอันดับความน่าเชื่อถือมูดีส์เพิ่งปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯ จากระดับ AAA สู่ Aa1 เนื่องจากกังวลตัวเลขหนี้สาธารณะที่สูงถึง 36 ล้านล้านดอลลาร์
ร่างกฎหมายถูกวิจารณ์ว่าจะทำให้มหาเศรษฐีอันดับต้น ๆ รวยยิ่งขึ้น แต่จะมีการตัดลดสวัสดิการทางสังคมทั้งหลายมากถึงเกือบ 1 ล้านล้านดอลลาร์
แต่ร่างกฎหมายลดภาษียังคงเผชิญการโต้เถียงภายในพรรครีพับลิกัน โดยมีเสียงทักท้วงว่าไม่เป็นไปตามคำสัญญาที่จะลดแนวโน้มการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นของรัฐบาลและทำให้ประเทศมีงบประมาณที่สมดุล