รัฐมนตรีการค้าจาก 21 ชาติสมาชิกของกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก หรือ เอเปค เปิดการประชุมนาน 2 วัน ที่เกาะเชจูของเกาหลีใต้ในวันพฤหัสบดี (15 พฤษภาคม) เพื่อหารือประเด็นความท้าทายต่อการค้าโลกท่ามกลางการดำเนินนโยบายปกป้องการค้าที่เพิ่มมากขึ้น โดยมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากองค์การการค้าโลก และองค์การความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนาเข้าร่วมด้วย
วาระหลักมี 3 เรื่อง ได้แก่ นวัตกรรมปัญญาประดิษฐ์สำหรับการค้า, การเชื่อมโยงของระบบการค้าพหุภาคี และความรุ่งเรืองผ่านการค้าที่ยั่งยืน แต่นโยบายกำแพงภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ จะบดบังการหารือ ในขณะที่ชาติสมาชิกเอเปคกำลังพยายามเจรจาต่อรองเพื่อให้ได้รับการยกเลิกหรือลดภาษี
ขณะที่เอเปคเผยแพร่รายงานคาดการณ์ว่า มูลค่าการส่งออกของภูมิภาคจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.4% ในปีนี้ หลังจากเพิ่มขึ้น 5.7% ในปีที่แล้ว และยังปรับลดตัวเลขคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของภูมิภาคด้วยว่า จะขยายตัวเพียง 2.6% จากเดิมประเมินไว้ที่ 3.3%
คาร์ลอส คูริยามา ผู้อำนวยการแผนกสนับสนุนนโยบายของเอเปค เปิดเผยด้วยว่า หลายบริษัทระงับแผนการลงทุน การเปิดตัวสินค้าและบริการใหม่ ตลอดจนการกำหนดกลยุทธ์ใหม่ จนกว่าสถานการณ์นโยบายภาษีจะมีความขัดเจนมากกว่านี้
การประชุมเอเปคมีขึ้นหลังจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนลดอุณหภูมิลง เมื่อสองฝ่ายบรรลุข้อตกลงลดภาษีศุลกากรนาน 90 วัน ในช่วงการเจรจาการค้ารอบแรกที่นครเจนีวาของสวิตเซอร์แลนด์เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยสหรัฐฯ จะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนเพียง 30% จากเดิมกำหนดไว้ที่ 145% และจีนจะเก็บภาษีสำหรับสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ เพียง 10% จากเดิม 125%
เจมีสัน เกรียร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ และหลี่ เฉิงกัง ผู้แทนการค้าจีน พบหารือกันนอกรอบในการประชุมเอเปคด้วย นอกจากนี้ชอง อิน-คโย รัฐมนตรีการค้าของเกาหลีใต้ พบหารือกับผู้แทนการค้าจีนก่อนหน้าเช่นกัน และนายหลี่ย้ำความสำคัญของระบบการค้าพหุภาคี และความพยายามของจีนที่จะสนับสนุนเรื่องห่วงโซ่อุปทานหรือซัพพลายเชนของโลก และนายชองมีกำหนดหารือกับนายเกรียร์ในวันนี้เรื่องภาษีและประเด็นการค้าอื่น ๆ