นายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม ของมาเลเซีย หารือกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน ที่อยู่ระหว่างการเยือนกรุงกัวลาลัมเปอร์ในวันพุธ (16 เมษายน) โดยกล่าวต้อนรับว่า ประธานาธิบดีสีไม่ใช่แค่ประธานาธิบดีของประเทศที่ยิ่งใหญ่ แต่ยังเป็นมิตรแท้ และจะร่วมมือกันในหลากหลายด้านทั้งเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และเทคโนโลยีใหม่ รวมถึง ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI หลังจากนั้นผู้นำทั้งสองร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามข้อตกลงความร่วมมือรวม 31 ฉบับ ที่ครอบคลุมทั้งเรื่องการค้า การท่องเที่ยว การสร้างทางรถไฟและเกษตรกรรม
นายอันวาร์ กล่าวในงานเลี้ยงอาหารค่ำต้อนรับผู้นำจีนด้วยว่า ในยุคที่พหุภาคีเผชิญแรงกดดันมหาศาล บางประเทศหันหลังให้กับความรับผิดชอบร่วมกันและตั้งคำถามเกี่ยวกับคำมั่นที่ยึดถือมานาน แนวคิดของจีนต่อโลกสร้างความหวังใหม่ โดยวิสัยทัศน์ของจีนเป็นมุมมองสู่ภายนอก และไม่มุ่งการแข่งขัน
นอกจากนี้ระเบียบโลกที่อยู่บนพื้นฐานของกฎกติกาถูกทำให้บิดเบี้ยว การเจรจากลายเป็นการยอมตามข้อเรียกร้อง ภาษีศุลกากรถูกบังคับใช้โดยไม่อดกลั้น และความร่วมมือถูกแทนที่ด้วยคำขู่และการบีบบังคับ การเข้าถึงตลาดกลายเป็นอาวุธ และพันสัญญาพหุภาคีที่ส่งเสริมการเติบโตร่วมกันถูกกดดันจากการกระทำเพียงฝ่ายเดียว
แต่อันวาร์บอกด้วยว่า ท่ามกลางความไม่นอน จีนเป็นหุ้นส่วนที่มีเหตุผล คงเส้นคงวา และเชื่อได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่มาเลเซียให้ความสำคัญอย่างยิ่ง
ขณะเดียวกันประธานาธิบดีสี บอกว่า จีนและมาเลเซียจะยืนหยัดเคียงข้างกับชาติอื่น ๆ ในเอเชียเพื่อต่อสู้กับความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์, การแบ่งฝ่าย, การกระทำเพียงฝ่ายเดียว และการกีดกันทางการค้า และปกป้องเป้าหมายการพัฒนาเอเชียร่วมกัน
ผู้นำจีนอยู่ระหว่างการเยือน 3 ชาติอาเซียน หลังจากเสร็จสิ้นการเยือนเวียดนาม และมีจุดหมายต่อไปในกัมพูชา เพื่อกระชับความสัมพันธ์กับชาติเพื่อนบ้าน ในช่วงที่สงครามการค้ากับสหรัฐฯ กำลังตึงเครียด
มาเลเซียและจีนสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2517 และนับจากปี 2552 จีนเป็นหุ้นส่วนการค้ารายใหญ่ที่สุดของมาเลเซียตลอด 16 ปีที่ผ่านมาและในปี 2567 สองประเทศมีมูลค่าการค้ากว่า 484,120 ล้านดอลลาร์ หรือ 16.8% ของมูลค่าการค้าของมาเลเซียกับทั่วโลกที่กว่า 2.87 ล้านล้านดอลลาร์