ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โพสต์ในทรูธ โซเชียล ในวันพฤหัสบดี (13 มีนาคม) ว่า รัฐบาลจะขึ้นภาษีศุลกากร 200% กับไวน์ แชมเปญ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งหลายจากสหภาพยุโรป (อียู) หากไม่ยอมยกเลิกการเก็บภาษี 50% กับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของสหรัฐฯ โดยทันที เขายังเรียกอียูว่า หนึ่งในรัฐบาลที่ขูดรีดภาษีและภาษีศุลกากรสูงที่สุดในโลก และมีเจตนาเอาเปรียบสหรัฐฯ
คำขู่ของทรัมป์ล่าสุดมีขึ้นภายในระยะเวลา 36 ชั่วโมงของการตอบโต้กันทางการค้าที่สะท้อนว่าสงครามการค้าอาจลุกลามรวดเร็วจนไม่สามารถควบคุมได้ โดยเริ่มจากสหรัฐฯ เริ่มบังคับใช้มาตรการเก็บภาษีศุลกากร 25% สำหรับเหล็กและอะลูมิเนียมจากทุกประเทศที่นำเข้าสู่สหรัฐฯ ตั้งแต่หลังเที่ยงคืนเข้าสู่วันพุธ (12 มีนาคม) และอียูประกาศตอบโต้ทันทีด้วยการขึ้นภาษีนำเข้ากับสินค้าสหรัฐฯ รวมมูลค่า 26,000 ล้านยูโร ซึ่งจะครอบคลุมสินค้าหลายชนิด เช่น เรือ, เบอร์เบิน, มอเตอร์ไซค์ โดยจะเริ่มมีผลในเดือนเมษายน
อุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของสหรัฐฯ มักตกเป็นเป้าในการตอบโต้ของชาติอื่น ๆ ต่อสหรัฐฯ ทั้งในช่วงที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรกและในขณะนี้ โดยการผลิตเบอร์เบินและวิสกีส่วนใหญ่ของสหรัฐฯ อยู่ในรัฐ ที่ลงคะแนนเลือกทรัมป์ ซึ่งรวมถึง เคนตักกี และเทนเนสซี
เมื่อเร็ว ๆ นี้ แคนาดาก็ขึ้นภาษีพุ่งเป้าเบอร์เบินจากรัฐเคนตักกีเพื่อตอบโต้ทรัมป์ที่เก็บภาษี 25% กับสินค้าส่วนใหญ่ของแคนาดา และร้านค้าแคนาดาร่วมกันบอยคอตต์ และเก็บเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ผลิตในสหรัฐฯ ออกจากชั้นวางสินค้า
ผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หลายรายของสหรัฐฯ แสดงความผิดหวังกับการขึ้นภาษีของอียู และสมาคมผู้ผลิตไวน์ของอิตาลี คาดว่า การขึ้นภาษีของทรัมป์อาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมมากถึง 1.000 ล้านยูโร