
พายุอัลเฟรดอ่อนกำลังจากพายุไซโคลนเป็นพายุโซนร้อนเมื่อวันเสาร์ (8 มีนาคม) ก่อนขึ้นฝั่งใกล้เมืองบริสเบน เมืองเอกของรัฐบริสเบนในช่วงค่ำ แต่ทางการยังเตือนให้ประชาชนอยู่ในบ้านเรือนและเฝ้าระวัง เพราะอันตรายจากพายุยังไม่หมดไป
ตำรวจ เปิดเผยเมื่อวันเสาร์ว่า พบศพที่เชื่อว่าเป็นชายวัย 61 ปี ที่จมน้ำหายไป หลังเขาประสบเหตุรถติดอยู่กลางน้ำท่วมในเมืองดอร์ริโก รัฐนิวเซาท์เวลส์ เจ้าหน้าที่ฉุกเฉินเห็นเขาออกจากรถและปีนขึ้นต้นไม้ใกล้ริมฝั่งแม่น้ำ แต่ไม่สามาถเข้าไปช่วยได้ทัน และเขาถูกกระแสน้ำพัดลอยไป
นอกจากนี้กระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า มีทหาร 13 นายได้รับบาดเจ็บเนื่องจากรถบรรทุกพลิกคว่ำและรถอีกคันในขบวนชนเข้าในเมืองลิสมอร์ ห่างจากเมืองบริสเบนราว 200 เมตร โดยขบวนรถทหารกำลังมุ่งหน้าไปสนับสนุนภารกิจค้นหาและกู้ภัย
ประชาชนราว 4 ล้านคน ในรัฐควีนสแลนด์ และทางตอนเหนือในรัฐนิวเซาท์เวลส์ ได้รับคำเตือนให้เฝ้าระวังพายุอัลเฟรด ที่เดิมคาดว่าจะขึ้นฝั่งด้วยความรุนแรงระดับพายุไซโคลน และจะเป็นพายุรุนแรงที่สุดในรอบ 50 ปีที่พัดปกคลุมพื้นที่แถบนี้ และหลายพันคนได้รับคำสั่งให้อพยพออกจากพื้นที่เสี่ยง โรงเรียนเกือบ 1,000 แห่งปิดการเรียนการสอน ระบบขนส่งสาธารณะหยุดให้บริการ และสนามบินปิด
แม้พายุอ่อนกำลังลงก่อนขึ้นฝั่งทำให้รอดพ้นหายนะที่เลวร้ายที่สุด แต่ทั้งสองรัฐก็เผชิญกระแสลมแรงที่ทำให้ต้นไม้และเสาไฟฟ้าหักโค่น ทำให้บ้านเรือนกว่า 300,000 หลังประสบไฟดับ และฝนตกหนักทำให้น้ำท่วมถนนหลายสาย
หน่วยฉุกเฉินรัฐนิวเซาท์เวลส์ เตือนให้ประชาชนอย่าชะล่าใจ และคาดว่าจะยังมีน้ำท่วมต่อเนื่องอีก 3-4 วัน