
กองทัพอากาศยูเครน เปิดเผยในวันอาทิตย์ (23 กุมภาพันธ์) ว่า รัสเซียส่งโดรน 267 ลำ โจมตีกรุงเคียฟ และอีกหลายเมืองทั่วยูเครนช่วงกลางดึกคืนวันเสาร์ถึงเช้ามืดวันอาทิตย์ โดย 138 ลำ ถูกยิงตก และอีก 119 ลำ หายไปจากจอเรดาร์ หลังถูกรบกวนด้วยสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ และรัสเซียยังยิงโจมตีด้วยขีปนาวุธทิ้งตัว 3 ลูกด้วย โดรนพุ่งเป้าใน 13 แคว้น และสร้างความเสียหายใน 5 แคว้น ได้แก่ ดนีโปร, โอเดสซา, พอลตาวา, เคียฟ และซาปอริซเซีย
นายกเทศมนตรีกรุงเคียฟ โพสต์ในเทเลแกรมว่า โดรนหลายลำโจมตีกรุงเคียฟ สร้างความเสียหายให้อาคารที่อยู่อาศัยบางหลัง และรถยนต์จำนวนหนึ่ง แต่ยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บ
นอกจากนี้สื่อ รายงานอ้างหน่วยฉุกเฉินว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 3 คน โดย 2 คนอยู่ในเมืองเคอร์ซอน และอีกคนอยู่ในเมืองครีวีรี
ประธานาธิบดีโวโลดมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน บอกว่า ยูเครนต้องการการสนับสนุนอย่างแข็งขันจากทั้งยุโรป สหรัฐฯ และทุกคนที่อยากเห็นสันติภาพที่ยั่งยืน
ขณะที่กระทรวงกลาโหมรัสเซียไม่ได้รายงานเรื่องการโจมตียูเครน นอกจากบอกว่า โดรน 20 ลำ ของยูเครน ที่ถูกส่งโจมตีรัสเซีย ถูกทำลายช่วงกลางดึกที่ผ่านมา
และหลายชั่วโมงต่อมาหลังยูเครนถูกโจมตีด้วยโดรน ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย วางพวงหรีดไว้อาลัยแก่ทหารที่เสียชีวิตในสงคราม เนื่องในวันพิทักษ์ปิตุภูมิ ซึ่งเป็นวันเชิดชูความสำเร็จของทหารและทหารผ่านศึกของรัสเซีย และเผยแพร่คลิปถ้อยแถลงในวันสำคัญ ย้ำความจำเป็นของการพัฒนาและเสริมความแข็งแกร่งให้กองทัพ และการจัดสรรทรัพยากรที่จำเป็นแก่ทหารที่สู้รบอยู่ในยูเครน
ขณะที่ในวันจันทร์ (24 กุมภาพันธ์) จะเป็นวันครบรอบ 3 ปีของสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน หลังจากรัสเซียเปิดฉากบุกยูเครนในปี 2565
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ สนทนาทางโทรศัพท์กับประธนาธิบดีปูติน เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ซึ่งสองฝ่ายตกลงจะเริ่มการเจรจาเพื่อยุติสงครามในยูเครน และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสองฝ่ายพบปะหารือกันครั้งแรกที่ซาอุดิอาระเบียเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ โดยไม่มียูเครนและยุโรปเข้าร่วม และสามารถตกลงกันเรื่องแนวทางฟื้นฟูการติดต่อทางการทูตระหว่างสองประเทศ และหารือเรื่องการยุติสงครามในยูเครน
แต่ทรัมป์กลับหันมาโจมตีผู้นำยูเครนว่า เผด็จการ และเป็นฝ่ายเริ่มสงคราม และแสดงจุดยืนสนับสนุนเงื่อนไขของรัสเซีย ทำให้วิตกว่า ยูเครนอาจต้องสูญเสียทั้งดินแดน และไม่สามารถเข้าเป็นสมาชิกของนาโต รวมถึงอาจสูญเสียรายได้จากทรัพยากรสำคัญ อย่าง แร่หายาก น้ำมันและก๊าซ ที่ทรัมป์ต้องการเพื่อตอบแทนสำหรับความช่วยเหลือทางทหารจากสหรัฐฯ ขณะเดียวกันท่าทีของทรัมป์ก็ถูกจับตาว่าอาจเป็นเพียงการมุ่งกดดันให้ยุโรปเพิ่มความช่วยเหลือยูเครน และเพิ่มไพ่ต่อรองในมือ ก่อนไปพบปูตินเพื่อโน้มน้าวให้ยุติสงคราม