มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ประกาศเมื่อวันจันทร์ภายหลังการหารือกับ ประธานาธิบดีนายิบ บูเคเล ที่กรุงซานซัลวาดอร์ ของเอลซัลวาดอร์ว่า ด้วยมิตรภาพแสนพิเศษกับสหรัฐฯ เอลซัลวาดอร์เห็นพ้องกับข้อตกลงการอพยพคนอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนที่ใดในโลก
ภายใต้ข้อตกลงนี้เอลซัลวาดอร์จะยอมรับชาวเอลซัลวาดอร์ที่เข้าสหรัฐฯ อย่างผิดกฎหมายกลับประเทศ และพร้อมรับชาวต่างชาติที่ถูกเนรเทศจากสหรัฐฯ ฐานลักลอบเข้าเมืองและกระทำผิดคดีอาญา ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกแก๊งค้ายาเสพติดชื่อดังจากเอลซัลวาดอร์และเวเนซุเอลาด้วย นอกจากนี้ประธานาธิบดีบูเคเลยังเสนอรับอาชญากรอันตรายชาวอเมริกัน ซึ่งรวมถึงพลเมืองสหรัฐฯ และผู้มีถิ่นพำนักในสหรัฐฯ ในเรือนจำของเอลซัลวาดอร์ด้วย
นอกจากนี้ผู้นำเอลซัลวาดอร์ยืนยันเรื่องข้อตกลง โดยโพสต์ใน X ว่า พร้อมรับอาชญากรที่ถูกตัดสินว่ามีความผิด ซึ่งรวมถึงพลเมืองสหรัฐฯ และนำตัวไปคุมขังไว้ในศูนย์กักตัวผู้ก่อการร้าย (CECOT) ในเมืองเทโคลูคา ซึ่งเป็นเรือนจำที่ใหม่ที่สุดและใหญ่ที่สุดของประเทศ สามารถรองรับนักโทษได้มากที่สุดถึง 40,000 คน
เขาระบุด้วยว่า ข้อตกลงแลกเปลี่ยนมีค่าธรรมเนียม ซึ่งอาจเล็กน้อยสำหรับสหรัฐฯ แต่สำคัญสำหรับเอลซัลวาดอร์ ที่จะทำให้ระบบเรือนจำทั้งหมดของประเทศมีความยั่งยืน
แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายของสหรัฐฯ มองว่า ความพยายามของทรัมป์ที่จะเนรเทศพลเมืองสหรัฐฯ ที่เป็นผู้ต้องขังไปประเทศอื่นอาจเผชิญปัญหาทางกฎหมาย ที่ห้ามเนรเทศพลเมืองสหรัฐฯ ไม่ว่า พวกเขาจะเป็นผู้ต้องขังหรือไม่
ประธานาธิบดีบูเคเลสร้างผลงานลดความรุนแรงของแก๊งอาชญากรได้อย่างมากนับจากปฏิบัติการกวาดล้างครั้งใหญ่ในปี 2565 ที่กวาดจับมากกว่า 81,000 คน แม้อาชญากรรมลดลง แต่กลับถูกวิจารณ์อย่างมากจากองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนเกี่ยวกับสภาพความแออัดของเรือนจำ และการละเมิดสิทธิมนุษยชนและการทรมานผู้ต้องขัง
รัฐบาลทรัมป์กำลังเร่งเนรเทศผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมายหลายล้านคนออกนอกประเทศ และยังขู่ดำเนินมาตรการกับประเทศ ที่ไม่ยอมรับเที่ยวบินที่ส่งพลเมืองของชาติเหล่านั้นกลับประเทศ โดยโคลอมเบียถูกบีบด้วยคำขู่ขึ้นภาษีและคว่ำบาตร ทำให้ยอมอนุญาตให้เครื่องบินทหารสหรัฐฯ นำผู้ลักลอบเข้าเมืองชาวโคลอมเบียที่ถูกเนรเทศลงจอดในประเทศในที่สุด