ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารเมื่อวันจันทร์เพื่อให้จัดตั้งกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ (sovereign wealth fund) ที่จะมีโมเดลคล้ายกับกองทุนของรัฐในประเทศอื่น ๆ เช่น นอร์เวย์และซาอุดิอาระเบีย ที่จะใช้งบประมาณของประเทศไปลงทุนในสินทรัพย์ทางการเงิน เชน หุ้น พันธบัตร และอสังหาริมทรัพย์
กองทุนนี้อาจดำเนินการได้ในปีหน้า และแม้ทรัมป์ไม่ได้ระบุว่า จะนำเงินจากกองทุนไปใช้อะไร แต่เขาบอกกับผู้สื่อข่าว โดยยกตัวอย่างว่า อาจใช้ซื้อ TikTok แอปพลิเคชั่นแชร์วิดีโอสั้นยอดนิยมของจีน ที่มีผู้ใช้ชาวอเมริกันราว 170 ล้านคน
ก่อนหน้านี้ในวันแรกที่รับตำแหน่งเมื่อวันที่ 20 มกราคม ทรัมป์เซ็นคำสั่งฝ่ายบริหารให้ชะลอการแบน TikTok ในสหรัฐฯ ไว้ 75 วัน เพื่อให้เขามีเวลาหาทางออก กฎหมายที่ลงนามในสมัยประธานาธิบดีโจ ไบเดน เมื่อเดือนเมษายน 2567 กำหนดให้บริษัทไบต์แดนซ์ของจีนขาย TikTok ในสหรัฐฯ ให้กับผู้ซื้อรายอื่นที่ไม่ใช่จีน ภายในวันที่ 19 มกราคม 2567 จึงจะสามารถให้บริการในสหรัฐฯ ได้ต่อไป หลังจากแสดงความกังวลว่า อาจเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ และทรัมปเสนอไว้ว่า สหรัฐฯ อาจถือหุ้น 50% ใน TikTok ในลักษณะการร่วมทุน
ทรัมป์ยังไม่ได้ระบุว่า เงินทุนในกองทุนจะมาจากไหน แต่เขาเคยพูดไว้ในช่วงหาเสียงเลือกตั้งว่า อาจมาจากเงินภาษีศุลกากร และอื่น ๆ ขณะที่โดยปกติแล้วกองทุนลักษณะนี้จะพึ่งพาจากเงินเกินดุลของงบประมาณ แต่สหรัฐฯ ประสบปัญหาขาดดุลงบประมาณ และการจัดตั้งกองทุนอาจจำเป็นต้องได้รับการเห็นชอบจากรัฐสภา เพราะแหล่งเงินยังไม่ชัดเจน
และแม้รัฐบาลทรัมป์จะสามารถจัดการซื้อหุ้นบางส่วนหรือทั้งหมดของ TikTok ไว้ แต่ไม่มีอะไรรับประกันว่า ผู้ใช้ชาวอเมริกัน ที่สงสัยเรื่องความพยายามของรัฐบาลที่บังคับให้ขาย TikTok ในสหรัฐฯ และอึดอัดมานานหลายเดือนกับความสับสนเรื่องการแบน จะยังคงอยากใช้แอปพลิเคชันนี้ต่อไปหรือไม่ เพราะหากผู้ใช้ถอนตัวไปจากแพลตฟอร์มแล้ว โฆษณาก็อาจตามไปด้วย ก็จะส่งผลเสียต่อการลงทุนครั้งนี้