รถบัส 10 คันนำครอบครัวของผู้เสียชีวิตในอุบัติเหตุทางอากาศครั้งเลวร้ายที่สุดของสหรัฐฯ ในรอบเกือบ 25 ปี ไปยังริมฝั่งแม่น้ำโปโตแมค ใกล้สนามบินเรแกน แนชันแนล ในกรุงวอชิงตันเมื่อวันอาทิตย์ (2 กุมภาพันธ์) โดยบริเวณดังกล่าวใกล้กับจุดที่เครื่องบินโดยสารของอเมริกันแอร์ไลน์และเฮลิคอปเตอร์แบล็กฮอว์กของกองทัพชนกันกลางอากาศ และตกลงสู่แม่น้ำเมื่อคืนวันพุธ (29 มกราคม) ที่ทำให้ทั้ง 64 คนบนเครื่องบินและทหารอีก 3 นายบนเฮลิคอปเตอร์เสียชีวิตทั้งหมด
ครอบครัวร่วมวางดอกไม้ ตุ๊กตาสัตว์และภาพถ่ายผู้เสียชีวิตที่ริมฝั่งแม่น้ำ โดยบางคนเศร้าโศกหรือโกรธแค้นต่อการสูญเสีย และต้องการคำตอบเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ขณะที่หน่วยดับเพลิงแจ้งว่า สามารถระบุอัตลักษณ์ศพได้แล้ว 55 ราย และให้ความมั่นใจว่า จะยังคงค้นหาจนกว่าจะพบศพทั้งหมด แต่บอกด้วยว่าภารกิจมีอุปสรรคจากทัศนวิสัยเกือบเป็นศูนย์ภายใต้น้ำที่เย็นขัด บวกกับเศษซากชิ้นส่วนและโลหะที่บิดเบี้ยวของซากเครื่องบิน และจำเป็นต้องรอจัดหาอุปกรณ์กู้ซากขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อมาดึงซากที่กีดขวางการเข้าถึงลำตัวเครื่องบิน เพื่อให้นักประดาน้ำสามารถเข้าไปค้นหาร่างผู้เสียชีวิตได้ โดยเตรียมใช้เครนขนาดใหญ่ ที่เคยใช้รื้อสะพานฟรานซิส สกอตต์ คีย์ หลังพังถล่มเมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้ว มาช่วยตัดและยกชิ้นส่วนเครื่องบิน
นอกจากนี้ผู้โดยสารบางคนยังรัดเข็มขัดติดอยู่กับที่นั่ง การเคลื่อนย้ายร่างของพวกเขาเป็นเรื่องยากเพราะชิ้นส่วนเครื่องบินทำให้ชุดของนักประดาน้ำฉีกขาด บวกกับกระแสน้ำ, คราบน้ำมันล้อมรอบ และความมืด
ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ฉุกเฉินทำงานกันอย่างหนักตลอด 24 ชม.มานานหลายวัน กำลังเหนื่อยล้า และเมื่อต้องกู้ศพหรือชิ้นส่วนเหยื่อ โดยเฉพาะเด็ก เป็นภาพสะเทือนใจกับผู้ปฏิบัติงานที่จะส่งผลกระทบต่อจิตใจและอารมณ์ในระยะยาว ทางสมาคมนักดับเพลิงระหว่างประเทศได้จัดทีมอดีตเจ้าหน้าที่ดับเพลิงที่ได้รับการฝึกเรื่องให้คำปรึกษาด้านสุขภาพจิตเพื่อช่วยผ่อนคลายสภาพจิตใจของเจ้าหน้าที่ฉุกเฉินเหล่านั้น
ขณะที่หน่วยทหารช่างเตรียมเริ่มเคลื่อนย้ายชิ้นส่วนเครื่องบินในวันจันทร์ (3 กุมภาพันธ์) อาจใช้เวลาหลายวัน หลังจากนั้นจะมุ่งหาชิ้นส่วนเฮลิคอปเตอร์ และคาดว่าจะเคลื่อนย้ายทั้งหมดเสร็จสิ้นภายในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ แม่น้ำโปโตแมคยังคงปิดไม่ให้เรือทั้งหมดสัญจร ยกเว้นเรือที่ได้รับอนุญาต