มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐฯ เยือนปานามาเป็นจุดหมายแรกเมื่อวันอาทิตย์ (2 กุมภาพันธ์) หลังเข้ารับตำแหน่ง และได้พบหารือกับประธานาธิบดีโฮเซ ราอุล มูลิโน โดยเป็นการพูดคุยระหว่างสองประเทศครั้งแรก นับจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ขู่ยึดคลองปานามา ที่เป็นเส้นทางสัญจรทางน้ำที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก ระหว่างกล่าวสุนทรพจน์รับตำแหน่งเมื่อวันที่ 20 มกราคม นอกจากนี้รูบิโอยังไปสำรวจคลองปานามายาว 82 กม. ที่สหรัฐฯ สร้างเสร็จในปี 2457 ก่อนส่งมอบคืนให้ปานามาในปี 2542 ด้วย
ทรัมป์กล่าวหาอย่างผิด ๆ ว่า จีนควบคุมคลองแห่งนี้ มีทหารจีนคุมในพื้นที่ และมีการเก็บค่าธรรมเนียมกับเรือสินค้าของอเมริกาอย่างไม่เป็นธรรม ขณะที่จริง ๆ แล้ว คลองปานามามีรัฐบาลปานามาเป็นเจ้าของและบริหารงาน แต่บริษัทจีนลงทุนอย่างหนักทั้งในส่วนท่าเรือและทางเข้าใกล้คลอง
ทรัมป์ย้ำเมื่อวันอาทิตย์ด้วยว่า จีนเข้าบริหารคลองปานามาที่ไม่ใช่ของจีน และถูกคืนให้ปานามาอย่างโง่เขลา และเขาเตรียมทวงคืน หรืออาจใช้วิธีการที่รุนแรงกว่านั้น
แถลงการณ์ของกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า รูบิโอบอกกับผู้นำปานามาเกี่ยวกับความกังวลของทรัมป์เรื่องที่บริษัทในฮ่องกงบริหารท่าเรือ 2 แห่งใกล้ทางเข้าคลองปานามา และมองว่าเป็นภัยคุกคามต่อทางน้ำและละเมิดสนธิสัญญาระหว่างสหรัฐฯ และปานามา รูบิโอพูดชัดเจนด้วยว่า หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขทันที สหรัฐฯ จะดำเนินมาตรการที่จำเป็นเพื่อปกป้องสิทธิภายใต้สนธิสัญญา
ขณะที่ประธานาธิบดีมูลิโน แถลงภายหลังการพบปะว่า รูบิโอไม่ได้ยื่นคำขู่ยึดคลองหรือใช้กำลังทหาร แต่เขาย้ำว่า อธิปไตยของปานามาเหนือคลองดังกล่าวเป็นสิ่งที่ไม่อาจต่อรองได้ ขณะเดียวกันเขายอมรับเรื่องบทบาทของจีนในท่าเรือที่อาจสร้างความกังวลต่อสหรัฐฯ และกำลังมีการตรวจสอบเรื่องนี้ พร้อมทั้งประกาศด้วยว่า ปานามาจะไม่ต่อสัญญาบันทึกความเข้าใจเข้าร่วมการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน “หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง” ของจีน เมื่อครบกำหนดหมดอายุ
ส่วนประชาชนชาวปานามาเกือบ 200 คน เดินขบวนในกรุงปานามาซิตี และตะโกนขับไล่รูบิโอออกจากปานามา รวมทั้งตะโกนสนับสนุนอธิปไตยของชาติ บางคนยังเผาป้ายที่มีภาพของทรัมป์และรูบิโอด้วย