ประธานาธิบดีเรเจป ไตยิบ แอร์โดอัน แถลงเมื่อวันจันทร์แสดงความเห็นครั้งแรกต่อเหตุการณ์เผาคัมภีร์อัลกุรอานในสวีเดนเมื่อหลายวันก่อนว่า “ประเทศใดที่อนุญาตให้เกิดการดูหมิ่นศาสนาที่หน้าสถานทูตของเรา อย่าได้คาดหวังว่าจะได้รับการสนับสนุนจากเราให้เข้าเป็นสมาชิกนาโต” และบอกด้วยว่า หากไม่เคารพความเชื่อทางศาสนาของตุรกีหรือชาวมุสลิม ก็จะไม่ได้รับการสนับสนุนจากตุรกี และเปรียบเทียบว่า การเผาอัลกุรอานเท่ากับการทำร้ายต่อพลเมืองตุรกีทั้ง 85 ล้านคน
คำเตือนจากผู้นำตุรกีมีขึ้นหลังจากหัวหน้าพรรคการเมืองขวาจัดจากเดนมาร์ก ซึ่งตัวเขาถือสัญชาติสวีเดนด้วย ก่อเหตุเผาคัมภีร์อัลอุรอานระหว่างการประท้วงที่ด้านนอกสถานทูตตุรกีในกรุงสต็อกโฮล์มเมื่อวันเสาร์ ซึ่งเป็นการชุมนุมที่ได้รับอนุญาตจากตำรวจสวีเดน
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจุดกระแสความโกรธแค้นแก่ชาวมุสลิมทั่วตะวันออกกลาง ทำให้มีผู้ประท้วงออกมาชุมนุมชูคัมภีร์อัลกุรอาน ตะโกนสรรเสริญพระเจ้า หรือ เผาธงชาติสวีเดนทั้งในตุรกีและอีกหลายประเทศ เช่น จอร์แดน ซาอุดิอาระเบีย และคูเวต
ตุรกีและฮังการีเป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต เพียง 2 ชาติที่ยังไม่ให้สัตยาบันรับรองสวีเดนและฟินแลนด์เข้าเป็นชาติสมาชิก แต่ต่อมานายกรัฐมนตรีวิกเตอร์ ออร์บาน ของฮังการี ให้คำมั่นว่า รัฐสภาจะโหวตรับรองทั้งสองประเทศในเดือนหน้า
ขณะที่ผู้นำตุรกี ซึ่งกำลังเตรียมสู้ศึกเลือกตั้งทั่วไปในปลายปีนี้ จึงยังคงแสดงจุดยืนแข็งกร้าวเพื่อเรียกคะแนนเสียงจากฐานเสียงที่มีแนวคิดชาตินิยม และที่ผ่านมาเขาเสนอเงื่อนไขที่ทำได้ยากแก่สวีเดน เช่น ข้อเรียกร้องให้ส่งตัวผู้ต้องสงสัยชาวเคิร์ดหลายสิบคน ที่ถูกตั้งข้อหา “ก่อการร้าย” หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการรัฐประหารที่ล้มเหลวในปี 2559 ให้กับตุรกี
และสวีเดนพยายามตอบสนองเงื่อนไข โดยแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อเปิดทางให้สามารถผ่านกฎหมายต่อต้านการก่อการร้ายที่เข้มงวดขึ้น แต่บรรยากาศตึงเครียดขึ้นเมื่อเกิดเหตุกลุ่มชาวเคิร์ดแขวนหุ่นจำลองของประธานาธิบดีแอร์โดอันกับโคมไฟถนนแบบห้อยหัวลงที่ด้านนอกศาลาว่าการกรุงสต็อกโฮล์มเมื่อวันที่ 11 ม.ค.
ตุรกีเรียกเอกอัครราชทูตสวีเดนเข้าพบ และยกเลิกคำเชิญให้ประธานรัฐสภาสวีเดนเยือนกรุงอังการาเพื่อเป็นการตอบโต้กรณีการเผาหุ่นจำลอง และหลังจากเกิดเหตุเผาคัมภีร์ รัฐมนตรีกลาโหมตุรกีก็ยกเลิกการพบปะกับรัฐมนตรีกลาโหมสวีเดนที่กรุงอังการาในวันที่ 27 ม.ค.