svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ต่างประเทศ

“เน็ตฟลิกซ์” เผยซีอีโอลาออก ยอดสมาชิกพุ่ง 230 ล้าน

20 มกราคม 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

“เน็ตฟลิกซ์” เผยผลประกอบการมียอดสมาชิกทั่วโลกพุ่งสูงถึง 230 ล้านราย ขณะที่ รีด แฮสติงส์ ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท ตัดสินใจก้าวลงจากตำแหน่งซีอีโอ

บริษัท เน็ตฟลิกซ์ หนึ่งในผู้ให้บริการสตรีมมิ่งรายใหญ่ที่สุดของโลก ประกาศเมื่อวันพฤหัสบดีว่า รีด แฮสติงส์ ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท จะลาออกจากตำแหน่งประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร หรือ ซีอีโอ แต่จะยังคงดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร โดยเกร็ก ปีเตอร์ส และเท็ด ซาแรนโดส จะดำรงตำแหน่งซีอีโอร่วมกัน  

  

ในวันเดียวกันบริษัทเผยแพร่ผลประกอบการของปี 2565 ระบุว่า มียอดสมาชิกทั่วโลกเพิ่มขึ้นเป็น 230 ล้านราย โดยในช่วง 3 เดือนสุดท้ายมีสมาชิกใหม่เพิ่มเกือบ 7.7 ล้านราย เกินกว่าที่บริษัทคาดหมายไว้ และรายได้ในไตรมาสสุดท้ายพุ่งสูงขึ้นเป็น 7,900 ล้านดอลลาร์ แต่ยอดกำไรตลอดทั้งปีลดลงจากปี 2564 ถึงอย่างนั้นบริษัทยังมียอดกำไรสูงกว่าคู่แข่ง

 

รีด แฮสติงส์ ผู้ร่วมก่อตั้ง เน็ตฟลิกซ์

ในปี 2565 เป็นปีที่ยากลำบากของเน็ตฟลิกซ์ โดยตั้งแต่ต้นปีก็เจอการแข่งขันอย่างดุเดือดจากบรรดาคู่แข่ง เช่น แอมะซอน, เอชบีโอ, แอปเปิลทีวี และดิสนีย์ ทำให้บริษัทต้องปลดพนักงานหลายร้อยคน ปรับขึ้นค่าสมาชิกเพื่อบรรเทาภาระจากต้นทุนสูงขึ้น แต่ก็ทำให้ยอดสมาชิกลดลงในช่วงครึ่งปีแรก 

   

และในช่วงไตรมาสสุดท้าย ที่มียอดสมาชิกเพิ่มขึ้นเกิดคาด น่าจะได้อานิสงส์จาก ซีรีส์สารคดี "Harry & Meghan" และซีรีส์  "Wednesday"  ที่ปล่อยออกมาแย่งชิงผู้ชมรายการสตรีมมิง

   

นอกจากนี้มื่อเดือน พ.ย. เน็ตฟลิกซ์ออกบริการใหม่ที่มีโฆษณาและราคาถูกลงใน 12 ประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในยุโรป สหราชอาณาจักร และสหรัฐฯ ก็ได้รับผลตอบรับที่ดี แม้ว่าไม่ได้ส่งผลมากนักต่อยอดสมาชิกในไตรมาสสุดท้าย

 

ขณะที่ราคาหุ้นของเน็ตฟลิกซ์ ที่ร่วงลงไปเกือบ 38% ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา กลับพุ่งสูงขึ้น 6.1% ในช่วงการซื้อขายหลังปิดตลาด เมื่อบริษัทเผยยอดสมาชิกสูงเกินความคาดหมายในช่วงไตรมาสสุดท้าย

   

แฮสติงส์ร่วมก่อตั้งเน็ตฟลิกซ์ในปี 2550 และสร้างความเปลี่ยนแปลงในการรับชมภาพยนตร์และรายการของครัวเรือน โดยเริ่มจากบริการให้เช่ายืมดีวีดีและแผ่นบลูเรย์ทางไปรษณีย์ในสหรัฐ สู่บริการถ่ายทอดสดผ่านอินเทอร์เน็ต สร้างความสั่นสะเทือนแก่บริษัทให้เช่าวิดีโอ อย่าง บล็อกบัสเตอร์ และสั่นคลอนวงการฮอลลีวูด ด้วยการแตกธุรกิจเพื่อลงทุนผลิตคอนเทนต์ของตัวเอง

 

การลาออกของเขาทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับยุทธศาสตร์ของเน็ตฟลิกซ์ในอนาคต และซีอีโอร่วมจะต้องตัดสินใจเรื่องใหญ่ เช่น  การบริหารจัดการรายจ่ายที่สูงมาก และการแชร์พาสเวิร์ด

 

 

logoline