กองทัพไต้หวันเริ่มการซ้อมรบนาน 2 วันที่ฐานทัพในเมืองซินจู่ในวันพุธ โดยมีเครื่องบินขับไล่มิราจ 2000 สาธิตการบินขึ้นลงในสถานการณ์ฉุกเฉิน และมีรถถัง เครื่องยิงจรวด และเฮลิคอปเตอร์จู่โจมเข้าร่วมการฝึกที่จำลองสถานการณ์ที่มีการบุกรุกผ่านเมืองท่าเกาสง
การซ้อมรบประจำปีดังกล่าวมีขึ้นก่อนช่วงเทศกาลตรุษจีน ในขณะที่สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไต้หวันและจีนกำลังตึงเครียด โดยเมื่อช่วงปลายเดือน ธ.ค. จีนส่งเครื่องบินรบ 71 ลำ และเรือรบ 7 ลำเข้าร่วมการซ้อมรบรอบช่องแคบไต้หวัน ซึ่งเป็นการซ้อมรบครั้งใหญ่ที่สุดของปี 2565
และในระหว่างการซ้อมรบในวันนี้ พันโทอู๋ ผาง-เหยิน นักบินประจำเครื่องบินขับไล่ เปิดเผยว่า เขาได้รับการส่งไปเข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยนทางวิชาการที่วิทยาลัยการทหารขององค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต ที่อิตาลี โดยเป็นหลักสูตรนาน 6 เดือนในปี 2565
เขาบอกด้วยว่า โครงการดังกล่าวมีทั้งทหารและนักการทูตจากชาติสมาชิกนาโตและชาติที่เป็นหุ้นส่วนเข้าร่วมการสัมมนาเกี่ยวกับสถานการณ์ความมั่นคงทั้งในระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ เช่น กรณีรัสเซียทำสงครามในยูเครน และประเด็นในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก
กระทรวงกลาโหมไต้หวัน เปิดเผยด้วยว่า พันโทอู๋ไม่ใช่ทหารนายแรกที่ถูกส่งไปร่วมโครงการแลกเปลี่ยนที่วิทยาลัยการทหารของนาโต แต่ไม่ให้รายละเอียด
ในขณะที่กองทัพไต้หวันและสหรัฐฯ มีความร่วมมือระหว่างกัน ซึ่งรวมถึงนักบินเครื่องบินขับไล่ไต้หวันเข้ารับการฝึกในสหรัฐฯ แต่มีการติดต่อสัมพันธ์กับกองทัพชาติอื่น ๆ อย่างจำกัด
เมื่อเดือนมิ.ย. นาโตประกาศยุทธศาสตร์ใหม่ ที่ระบุว่า จีนเป็นความท้าทายต่อผลประโยชน์ ความมั่นคง และค่านิยมของพันธมิตร
และอันเดรส ฟอกห์ ราสมุสเซน อดีตเลขาธิการนาโต แสดงความเห็นเมื่อวันที่ 5 ม.ค. ว่า ชาตินาโตและชาติยุโรปควรจัดการซ้อมรบร่วมกับกองทัพไต้หวันในแผ่นดินยุโรป เพื่อป้องกันการรุกรานของจีน โดยเขาตอบคำถามของสื่อที่ซักถามว่า นาโตจะมีบทบาทเพิ่มขึ้นต่อสถานการณ์ข้ามช่องแคบไต้หวันอย่างไร และเขาเชื่อว่า นาโตควรแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่า หากจีนจะโจมตีไต้หวัน นาโตก็จะช่วยเหลือทางการทหารแก่ไต้หวัน และควรเตือนว่า จีนจะเผชิญกับมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจอย่างครอบคลุม หากบุกไต้หวัน