“พันคำ” นายกฯลาวลาออก “สอนไซ” เสียบแทน
เป็นไปตามข่าวลืออื้อฉาว “พันคำ วิพาวัน” นายกรัฐมนตรี ตัดสินใจลาออก หลบมรสุมปัญหาชีวิตส่วนตัว “สอนไซ สีพันดอน” รองนายกรัฐมนตรี ก้าวขึ้นเป็นนายกฯคนใหม่ของ สปป.ลาว
ช่วงบ่ายวันที่ 30 ธ.ค.2556 ที่ประชุมสมาชิกสภาแห่งชาติ ชุดที่ 9 ท่านพันคำ วิพาวัน นายกรัฐมนตรี สปป.ลาว ได้ขึ้นกล่าวต่อกองประชุมสภาฯ ว่า ได้ขอลาออกจากตำแหน่งนายกฯ สืบเนื่องจากมีปัญหาสุขภาพ และขอส่งต่อภารกิจให้นายกฯคนใหม่ แก้ปัญหาเศรษฐกิจของชาติต่อไป
ท่านพันคำ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.2565 ได้ยื่นหนังสือขอลาพักผ่อนต่อประธานประเทศ สปป.ลาว โดยขอเข้าโครงการเงินอุดหนุนบำนาญ (เกษียณอายุ)
หลังท่านพันคำเปิดใจลาออก และที่ประชุมสภาฯ ได้รับรองการลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ของท่านพันคำ วิพาวัน และท่านทองลุน สีสุลิด ประธานประเทศ สปป.ลาว เสนอชื่อ ท่านสอนไซ สีพันดอน เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 9
ท่านพันคำ วิพาวัน เพิ่งเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีลาว คนที่ 8 เมื่อวันที่ 22 มี.ค.2564 ด้วยการสนับสนุนของท่านทองลุน สีสุลิด ประธานประเทศ แต่การเข้ารับตำแหน่งนายกฯ ในช่วงที่ สปป.ลาว เผชิญสถานการณ์โควิด ส่งผลให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจ เงินเฟ้อสูง ของแพงค่าแรงถูก และขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง ทำให้ท่านพันคำ ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่า “ดีแต่พูด” และไร้ความสามารถในการแก้ปัญหาปากท้องประชาชน
ช่วงเดือน ต.ค.2565 เริ่มมีกระแสข่าวว่า ภายในกรมการเมือง พรรคประชาชนปฏิวัติลาว เตรียมเสนอเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี จากท่านพันคำ วิพาวัน เป็นท่านสอนไซ สีพันดอน
สำหรับ ท่านสอนไซ สีพันดอน รองนายกรัฐมนตรี รับผิดชอบด้านเศรษฐกิจ เป็นบุตรชายท่านคำไต สีพันดอน อดีตนายกรัฐมนตรีลาว วัย 94 ปี ผู้มากบารมีเหนือพรรคประชาชนปฏิวัติลาว
มีรายงานข่าวว่า กลุ่มอำนาจสายใต้ ได้พยายามจะผลักดันสหายสอนไซ เป็นนายกฯตั้งแต่ต้นปีที่แล้ว แต่กลุ่มอำนาจสายเหนือ นำโดยสหายทองลุน สีสุลิด ขอให้สหายพันคำ เป็นนายกฯ ไปก่อนหนึ่งสมัย สายใต้จึงยอมตามข้อเสนอของสายเหนือ
อนึ่ง ประวัติ พันคำ วิพาวัน อดีตนายกรัฐมนตรี สปป.ลาว เกิดเมื่อวันที่ 14 เม.ย.2494 ที่บ้านกาง เมืองซำเหนือ แขวงหัวพัน
เริ่มทำการปฏิวัติตั้งแต่เป็นเยาวชน เติบโตท่ามกลางการต่อสู้ปฏิวัติ และได้เป็นสมาชิกพรรค เมื่อปี 2519
- ปี 2518-2520 ท่านพันคำ เป็นพนักงานอยู่กระทรวงศึกษา กีฬาและธรรมการ
- ปี 2520-2526 เดินทางไปศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยในสหภาพโซเวียต
- ปี 2526-2528 เป็นผู้อำนวยการโรงเรียนการเมืองบำรุงทฤษฎีการเมืองของกระทรวงศึกษา กีฬา และธรรมการ
- ปี 2528-2531 เรียนต่อปริญญาเอก ด้านทฤษฎีมาร์กซ-เลนิน ที่สหภาพโซเวียต
- ปี 2531-2539 เป็นรองผู้อำนวยการวิทยาครูเวียงจันทน์
- ปี 2541 เป็นรองรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
- ปี 2548 เป็นเจ้าแขวงหัวพัน
- ปี 2554-2558 เป็นรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ และกีฬา
- ปี 2559-2564 เป็นรองประธานประเทศ
- ปี 2564 เป็นนายกรัฐมนตรี และถูกกดดันให้ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
