สหรัฐฯ เจรจาเศรษฐกิจกับ 13 ชาติเอเชียเพื่อคานจีน

รัฐมนตรีจาก 14 ชาติภาคีกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจอินโด-แปซิฟิก หรือ IPEF ภายใต้การนำของสหรัฐฯ จะเริ่มการเจรจาแบบพบหน้ากันตัวต่อตัวครั้งแรกที่นครลอสแองเจลิสของสหรัฐฯ ในวันที่ 8-9 ก.ย. นี้ ซึ่งเป็นการเริ่มต้นการเจรจาเพื่อกำหนดข้อบังคับร่วมกันของกรอบความร่วมมือที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศความคิดริเริ่มนี้เมื่อเดือน พ.ค. และถูกมองอย่างกว้างขวางว่า เป็นเครื่องมือทางภูมิรัฐศาสตร์ที่สหรัฐฯ สร้างขึ้นเพื่อควบคุมอิทธิพลของจีนในภูมิภาคนี้

IPEF ประกอบด้วย สหรัฐฯ ญี่ปุ่น อินเดีย เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และอินโดนีเซีย ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นสมาชิกของกลุ่มจี20 และยังมีสิงคโปร์ บรูไน มาเลเซีย นิวซีแลนด์ ฟิลิปปินส์ ไทย และเวียดนาม และ IPEF มีมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมคิดเป็นสัดส่วนเกือบ 40% ของทั้งโลก

IPEF เป็นกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุดของสหรัฐฯ นับตั้งแต่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ถอนสหรัฐฯ ออกจากข้อตกลงความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจในภูมิภาคแปซิฟิก หรือ TPP ในปี 2560 แต่กรอบความร่วมมือนี้ของไบเดน คาดว่า จะไม่มีเป้าหมายการลดกำแพงภาษีเหมือนข้อตกลงการค้าเสรีทั่วไป

ในการเจรจาครั้งนี้ คาดว่า ผู้แทนทั้ง 14 ประเทศจะพูดคุยในประเด็นนโยบาย หรือ เสาหลักสำคัญ 4 ด้าน ได้แก่ การค้า ห่วงโซ่อุปทาน พลังงานสะอาด และการปราบปราบการทุจริต

ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เปิดเผยเมื่อเดือน พ.ค. ว่า สหรัฐฯ หวังว่าจะบรรลุข้อตกลงในแต่ละเสาหลักภายในเกือบ 12-18 เดือน โดยจะเป็นข้อตกลงทั้งแบบผูกมัดและไม่ผูกมัด แต่บางชาติยังลังเลเกี่ยวกับข้อตกลงนี้ที่ไม่มีจีนเข้าร่วม และพยายามเรียกร้องให้สหรัฐฯ เชิญจีนเข้าร่วม เนื่องจากจีนเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของประเทศเหล่านี้

ขณะเดียวกันบทความในเวบไซต์หนังสือพิมพ์โกลบอลไทมส์ของจีนวิจารณ์ว่า IPEF จะไม่ประสบความสำเร็จเพราะเอื้อประโยชน์แก่สหรัฐฯ เท่านั้น และชาติเอเชียแปซิฟิกจะต้องผิดหวังเพราะสหรัฐฯ ไม่ได้มุ่งหวังส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้า โดย IPEF เป็นเพียงเครื่องมือเพื่อสนองวาระทางภูมิรัฐศาสตร์ของสหรัฐฯ และสหรัฐฯ มุ่งแบ่งแยกความร่วมมือ ทำลายเสถียรภาพ และทำลายความรุ่งเรืองในภูมิภาค และใช้ IPEF เพื่อแยกประเทศในภูมิภาคออกจากเศรษฐกิจจีน และกีดกันไม่ให้จีนเข้าถึงห่วงโซ่อุปทานในภูมิภาค