รัฐบาลรัสเซียเปิดเผยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (5 ก.ย.) ว่าการคว่ำบาตรจากชาติยุโรป เป็นเหตุผลเดียวที่อยู่เบื้องหลังการตัดสินใจของรัสเซียในการปิดท่อส่งก๊าซ "นอร์ด สตรีม 1" แม้ก่อนหน้านี้จะให้เหตุผลในเรื่องการซ่อมบำรุงก็ตาม
สำนักข่าว อินเตอร์แฟกซ์ อ้างคำพูดของ ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกรัฐบาลรัสเซีย ที่บอกว่า “ปัญหาก๊าซเกิดขึ้นเนื่องจากการคว่ำบาตรต่อประเทศของเราจากกลุ่มประเทศยุโรป รวมถึงเยอรมนีและสหราชอาณาจักร ไม่มีเหตุผลอื่นเกี่ยวกับการส่งก๊าซนี้" เขากล่าว
"การคว่ำบาตรทำให้พวกเขาไม่ได้รับการส่งก๊าซจากเรา และจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆหากยังไม่มีการรับประกันทางกฎหมายที่เหมาะสม"
ความคิดเห็นของ เปสคอฟ เกิดขึ้นท่ามกลางวิกฤตด้านพลังงานที่ทวีความรุนแรงขึ้นทั่วยุโรป หลังจาก "ก๊าซพรอม" บริษัทพลังงานที่ดำเนินการโดยรัฐบาลของรัสเซียประกาศเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (2 ก.ย.) ว่าจะต้องดำเนินการปิดท่อส่งก๊าซแบบไม่มีกำหนดเนื่องจากการรั่วไหลของน้ำมันในกังหันของท่อส่งแห่งหนึ่ง
โดยท่อส่งก๊าซ "นอร์ด สตรีม 1" ซึ่งเปิดใช้งานมาตั้งแต่ปี 2554 เป็นท่อส่งก๊าซที่ใหญ่ที่สุดเพียงแห่งเดียวที่ใช้ส่งก๊าซระหว่างรัสเซียและชาติยุโรปตะวันตก
ด้านสหภาพยุโรป (อียู) ตอบโต้การเคลื่อนไหวของมอสโกโดยกล่าวว่าการปิดท่อส่งก๊าซเพื่อซ่อมบำรุงนั้นเป็นเพียง "ข้ออ้าง" โดยมองว่ามอสโกจงใจใช้ประเด็นด้านพลังงานมาตอบโต้การคว่ำบาตรจากชาติตะวันตกที่การสนับสนุนยูเครน
ขณะที่สหรัฐฯ ยังกล่าวหารัสเซียว่าใช้พลังงานเป็นอาวุธ พร้อมเสริมว่ายุโรปจะมีก๊าซเพียงพอสำหรับการเผชิญกับฤดูหนาว
“สหรัฐฯ และยุโรปได้ร่วมมือกันเพื่อให้แน่ใจว่ามีพลังงานสำรองเพียงพอ การจัดเก็บก๊าซในยุโรปจะพร้อมเต็มที่สำหรับการใช้งานในฤดูหนาว” เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์
ขณะที่ราคาพลังงานพุ่งแตะระดับสูงสุดใหม่ โดยแตะระดับเพิ่มขึ้น 30% ในวันจันทร์ ส่งผลให้ประเทศต่างๆ เร่งค้นหาทางเลือกอื่นที่ไม่ใช่ก๊าซของรัสเซีย
โดยนายเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส กล่าวว่า สหภาพยุโรปจำเป็นต้องเพิ่มแผนสำหรับพลังงานหมุนเวียนและปฏิรูปตลาดไฟฟ้า ขณะที่ในเยอรมนี รัฐบาลกำลังมองหาแหล่งพลังงานเพิ่มเติมอย่างเต็มที่ โดยเผยว่าจะให้โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์สองแห่งอยู่ในสถานะเตรียมพร้อมหลังสิ้นปี หลังจากเลิกใช้ไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์มาตั้งแต่ปี 2554