ประธานาธิบดีบาราม ซาลีห์ ของอิรัก แถลงเมื่อวันอังคารแสดงความยินดีที่เหตุปะทะนองเลือดในกรุงแบกแดดเมื่อวันจันทร์ยุติลง เมื่อกลุ่มผู้สนับสนุนของม็อกตาดาร์ อัล-ซาดร์ นักการศาสนานิกายชีอะห์ที่ทรงอิทธิพลทางการเมืองยอมสลายการชุมนุมออกจากบริเวณทำเนียบรัฐบาลในเขตกรีนโซน หลังยิงปะทะกับกลุ่มผู้สนับสนุนของพันธมิตรชีอะห์อีกกลุ่มที่เป็นคู่แข่งของ อัล-ซาดร์
ประธานาธิบดีกล่าวด้วยว่า สถานการณ์ขณะนี้เป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้และไม่อาจปล่อยให้ยืดเยื้อต่อไป จึงอาจจำเป็นต้องจัดการเลือกตั้งใหม่ก่อนกำหนด ที่จะเป็นหนทางออกจากวิกฤตที่ชะงักงันในประเทศ
และนายกรัฐมนตรีมุสตาฟา อัล-คาดิมี ประกาศภายหลังประธานาธิบดีแถลงด้วยว่า เขาพร้อมก้าวลงจากตำแหน่ง หากสถานการณ์การเมืองที่ซับซ้อนยังคงยืดเยื้อ
การยุบสภาและเลือกตั้งใหม่เป็นข้อเรียกร้องของนายอัล-ซาดร์มาโดยตลอด หลังจากพรรคการเมืองของเขาชนะการเลือกตั้งเมื่อเดือน ต.ค. ปีที่แล้ว แต่การแย่งชิงอำนาจระหว่างเขาและพันธมิตรชีอะห์อีกกลุ่มที่ได้รับการหนุนหลังจากอิหร่าน ทำให้การเจรจาจัดตั้งรัฐบาลล้มเหลว ส่งผลให้ประเทศไม่มีรัฐบาลยาวนานถึง 10 เดือน
อัล-ซาดร์ประกาศยุติบทบาททางการเมืองเมื่อวันจันทร์ ซึ่งจุดชนวนให้กลุ่มผู้สนับสนุนออกมาประท้วงและบุกทำเนียบรัฐบาล รวมถึงเกิดการปะทะกับกลุ่มผู้สนับสนุนของฝ่ายตรงข้าม ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 30 รายและผู้บาดเจ็บ 570 คน
แต่ต่อมาเขาแถลงที่เมืองนาจาฟ โดยมีการถ่ายทอดสดเมื่อวันอังคารสั่งให้สาวกยุติการประท้วงภายใน 1 ชม. พร้อมกับกล่าวขอโทษต่อประชาชนชาวอิรัก ที่เป็นผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงฝ่ายเดียว
หลังจากนั้นผู้ชุมนุมรื้อทำลายเตนท์ที่พักและเคลียร์พื้นที่ชุมนุมในเขตกรีนโซน และเจ้าหน้าที่เข้าเก็บปลอกกระสุนปืนที่กระจายเกลื่อนในพื้นที่ รวมทั้งกองทัพแจ้งยกเลิกเคอร์ฟิวทั่วประเทศ ซึ่งสะท้อนว่า เหตุรุนแรงนองเลือดคลี่คลายลงแล้ว
นักวิเคราะห์มองว่า การที่อัล-ซาดร์ประกาศจะยุติบทบาททางการเมือง อย่างที่เคยทำมาแล้วหลายครั้ง เป็นเพียงการแสดงพลังให้คู่แข่งเห็นว่า เขาสามาถควบคุมมวลชนได้ และไม่ได้ต้องการให้เกิดความรุนแรงไปมากกว่านี้