ไมมุน ตวน มัต หัวหน้าผู้พิพากษาศาลสูงสุดมาเลเซียอ่านคำตัดสินของคณะผู้พิพากษาในวันนี้ว่า อดีตนายกรัฐมนตรี นาจิบ ราซัก ไม่อาจแสดงหลักฐานสนับสนุนได้ว่า คำตัดสินของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ไม่ถูกต้อง และจำเป็นต้องมีการแทรกแซงจากศาลสูงสุด และโทษจำคุกนาน 12 ปีไม่ได้มากเกินไป รวมทั้งคณะผู้พิพากษาเห็นพ้องว่าหลักฐานที่นำเสนอระหว่างการพิจารณาคดีล้วนบ่งชี้ว่า เขากระทำผิดจริงทั้ง 7 กระทง จึงพิพากษายืนให้รับโทษตามคำตัดสินของศาลชั้นต้น และสั่งให้ส่งตัวเขาเข้าเรือนจำทันที
อดีตผู้นำวัย 69 ปี กล่าวก่อนผู้พิพากษาอ่านคำตัดสินว่า เขารู้สึกว่า ไม่ได้รับการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรม และผิดหวังที่ไม่ได้รับอนุญาตให้เลื่อนเวลาเปิดการไต่สวนเพื่อนำเสนอหลักฐานใหม่ที่มีน้ำหนัก
การแพ้อุทธรณ์ในศาลสุดท้ายทำให้เขาต้องเริ่มรับโทษจำคุกทันที กลายเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีคนแรกที่ต้องรับโทษจำคุก
สื่อเผยแพร่ภาพเขานั่งรถสีดำออกจากศาลโดยมีรถตำรวจนำ และมีผู้สนับสนุนรวมถึงผู้สื่อข่าวปักหลักรอที่ด้านนอกเรือนจำสุไหง บุเลาะห์ แต่ต่อมามีข่าวใหม่ว่า นาจิบถูกส่งตัวไปถึงที่เรือนจำคาจังแล้วเมื่อเวลา 18.10 น. ตามเวลาท้องถิ่น
ก่อนหน้านี้ศาลชั้นต้นมีคำตัดสินเมื่อเดือน ก.ค. 2563 ว่า นาจิบกระทำความผิดจริงในข้อหาใช้อำนาจในทางมิชอบ ฟอกเงิน และละเมิดต่ออำนาจหน้าที่รวม 7 กระทงจากการยักยอกเงิน 42 ล้านริงกิตจากบริษัท เอสอาร์ซี อินเตอร์แนชันแนล ซึ่งเคยเป็นบริษัทในเครือของกองทุน วัน มาเลเซีย ดิเวลลอปเมนต์ เบอร์ฮัด หรือ วันเอ็มดีบี (1MDB) เข้าบัญชีเงินฝากส่วนตัว และให้รับโทษจำคุก 12 ปี และโทษปรับอีก 210 ล้านริงกิต ต่อมาศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนในเดือน ธ.ค. ปีที่แล้ว
คำตัดสินในศาลสุดท้ายมีขึ้นหลังจากพรรครัฐบาลของเขาพ่ายแพ้การเลือกตั้งอย่างคาดไม่ถึงในปี 2561 โดยระหว่างนั้นเขาและพวกพ้องถูกกล่าวหาว่า ยักยอกเงินหลายพันล้านดอลลาร์จากกองทุนวันเอ็มดีบี และเรื่องนี้เป็นประเด็นสำคัญที่พรรคฝ่ายค้านใช้ในการหาเสียงโจมตี