svasdssvasds
เนชั่นทีวี

บันเทิง

เปิดตัวตน “แบงค์” พี่ชาย “แบมแบม GOT7” ใส่สุดทุกด้านไม่ขอใช้เส้นน้องทำงาน

เปิดตัวตนของ “แบงค์ ชินดนัย” พี่ชายซูเปอร์สตาร์ “แบมแบม GOT7” กับมุมมองที่หลายคนไม่เคยรู้ ทุ่มเทใส่สุดทุกด้านเพื่อค้นหาตัวเอง ยัน! ไม่เคยใช้เส้นสายน้องสายทำงานในวงการ พร้อมเผยสเตตัสหัวใจ

แบงค์ ชินดนัย ภูวกุล หรือ พี่แบงค์ พี่ชายของซูเปอร์สตาร์ขวัญใจชาวไทยอย่าง แบมแบม กันต์พิมุก ภูวกุล หรือ แบมแบม GOT7 ต้องยบอกว่า  พี่แบงค์  จัดเป็นอีกหนึ่งบุคคลที่ทรงอิทธิพลในวงการบันเทิงในเรื่องของการเต้นและงานอีเวนต์ต่างๆ จริงๆ สำหรับหนุ่มหล่อมากความสามารถ ที่ไม่ว่าจะผลิตผลงานอะไรออกมาก็เป็นที่พูดถึงเสมอ เปิดตัวตนในมุมที่ไม่มีใครรู้ แถมยังได้ล้วงลึกคำถามที่สาวๆอยากรู้อย่างเรื่องสเตตัสหัวใจของหนุ่มคนนี้มาฝากกันด้วย 

 

เปิดตัวตน “แบงค์” พี่ชาย “แบมแบม GOT7” ใส่สุดทุกด้านไม่ขอใช้เส้นน้องทำงาน

การทำงานเบื้องหลังในวงการบันเทิง

“ปัจจุบันผมเป็นเจ้าของบริษัทที่ดูแลเกี่ยวกับการออกแบบและผลิตผลงานในวงการบันเทิงชื่อว่า “B House Studio” ครับ ก่อตั้งในปี 2016 เราตั้งเป็นโรงเรียนสอนเต้นมาก่อน คือเมื่อก่อนผมทำเป็นครูสอนเต้นฟรีแลนซ์ ตั้งแต่เรียนจบมา เห็นว่าเส้นทางนี้แหละโอเคที่สุดแล้ว วันหนึ่งโดนยึดที่คืน เหมือนเจ้าของที่ตอนนั้นเป็นคนต่างชาติแล้วยึดไปทำอพาร์ทเม้นท์ ทีนี้ก็เลยย้ายกลับมาทำในบ้านของตัวเอง แล้วตอนนั้นไม่ได้มีชื่อ ลูกศิษย์ผมเลยตั้งชื่อให้ว่า B House Studio เราเลยใช้ชื่อนี้มา เพราะรู้สึกว่าลูกศิษย์กลุ่มแรกของเรา ประมาณ 50 คน เป็นคนตั้งชื่อนี้ให้”

 

เปิดตัวตน “แบงค์” พี่ชาย “แบมแบม GOT7” ใส่สุดทุกด้านไม่ขอใช้เส้นน้องทำงาน

 

“ จากนั้นมันก็เติบโตมาเรื่อย ๆ จนกลายเป็นทุกวันนี้ เหมือนเราสอนเต้นให้กับศิลปินคนนู้นคนนี้คนนั้น สักพักก็ได้ขยับขยายสายงานมากขึ้น เช่น เริ่มได้ดูสเตจ ดูไลท์ติ้ง ดูดีไซน์ พอสนิทกันศิลปินมาก ๆ เข้า เขาก็เริ่มให้ช่วยดูงานนี้งานนั้นให้หน่อย ดูตรงนู้นตรงนี้ตรงนั้นให้หน่อย จนวันหนึ่งก็เริ่มเติบโตเป็นผู้จัดการศิลปินได้บ้าง และวันหนึ่ง ลงคลิปในโซเชี่ยลไปแล้วต่างชาติเห็น ผมเลยมีโอกาสได้ไปสอนที่ฟิลิปปินส์ พอได้ไปที่แรก ก็เริ่มขยายไปประเทศที่ 2 3 4 5 มันเลยมีสายงานอยู่ในบริเวณเอเชียและในประเทศอื่น ๆ ผ่านมาประมาณ 7 ปีแล้ว เราก็เติบโตเป็นบริษัท Corporate Entertainment Service อย่างเต็มตัว ที่ดูแลแบบครบรอบด้านเลย เราทำโชว์ได้ ทำสเตจได้ จริง ๆ เราเหมือนกึ่งออร์แกไนซ์ด้วย แล้วก็ดูแลงานโปรดักชั่นแบบภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว MV ดูแล Business ให้กับศิลปินได้ด้วย เช่นงานติดต่อมา เราแมทช์กันยังไง ค่าตัวเท่าไหร่ เราจะเคลียร์ให้หมดเลยครับ ทั้งในและต่างประเทศ แล้วก็เรื่องของการเต้นที่เราทำตั้งแต่แรกก็ไม่ได้ทิ้งหายไปไหน”

 

เปิดตัวตน “แบงค์” พี่ชาย “แบมแบม GOT7” ใส่สุดทุกด้านไม่ขอใช้เส้นน้องทำงาน

ในวงการเพลงนั้น แบงค์อยู่ในวงการ การเต้นกี่ปีแล้ว?

“จริงๆอยู่มาปีนี้ปีที่ 7 แล้วครับ ถามว่าคร่ำหวอดในสายเต้นโดยตรงไหมต้องบอกว่า ไม่
ซะทีเดียว ผมไม่ใช่สายสกิล ถ้าคุยแบบแชร์แบบตรงๆเลยคือผมเป็นสายที่ดูเรื่องภาพ องค์ประกอบรวม เหมือนผมจะมีทีมโคโรกราฟของผมที่ดีไซน์ท่าเต้น จริง ๆ ผมก็ดีไซน์ท่าเต้นได้นะ แต่ Part หลักของผม คือผมเป็นคนวางแผน เป็นคนที่ดูว่าศิลปินออกมาปุ๊บควรทำท่าเต้นแบบไหน MV ควรมีแบบนี้ มุมแบบนี้ ใช้กล้องประมาณนี้ การถ่ายแบบนี้ หรือเวลาออก Event ต่างๆท่าเต้นแบบไหนตอบโจทย์กับคนดู ท่าเต้นแบบไหนตอบโจทย์กับ Performance ของศิลปินครับ แล้วทีมก็มาดีไซน์บนเส้นทางที่ผมวางเนี่ยแหละ คือเรียกว่าทำร่วมกันเป็นทีมแบบขนาดใหญ่”

 

อย่างคุณเองประสบความสำเร็จมากๆในสายงานด้านบันเทิง ล่าสุดก็เป็นกรรมการตัดสินการเต้น เป็นมาอย่างไร?

“มันเริ่มจากผมได้รับคำเชิญจากเกาหลีมาให้เป็นตัวแทนกรรมการจากไทย ยอมว่าเป็นงานที่ตื่นเต้นดีเหมือนกัน จริง ๆ ถ้าสารภาพเลยคือ แรกสุด เลยผมเป็นคนไม่ถนัด K-pop เลย เราอยู่ในสายการเต้นแบบ Hip-Hop หรือแบบฝั่งยุโรปหมดเลย แล้วก็เหมือนมีคนคิดว่าผมถนัดการเต้นแบบ K-pop เขาเลยชวนเราไปตรงนั้น เราได้ผ่านแบบทดสอบต่าง ๆ ของทางเกาหลี จริง ๆ เราก็แข่งเต้นมาก่อน แล้วในการแข่งเต้นมันมีคำอธิบายหลาย ๆ อย่าง ที่เรารู้สึกว่ามันเป็นศาสตร์หลายแขนงมาก มีหลายสิ่งหลายอย่าง หลายความเห็นมากเลย ผมเลยอยากรู้ว่าแก่นแท้หรือแกนกลางของการตัดสิน มุมมองที่มันเป็นตรงกลางจริง ๆ เนี่ยมันคืออะไร ซึ่งประเทศเกาหลีนี่แหละ เป็นประเทศที่สอนผมให้เข้าใจและสร้างให้ผมเป็นคน ๆ นั้นได้ ว่าการที่เรามองโดยปราศจากความคิดหลาย ๆ มองด้วยความเป็นกลาง บนหลักการที่ถูกต้อง เป็นยังไง จนเราได้ถือเซอร์ตรงนี้มา เราภูมิใจในตัวเองมากเลย เรารู้สึกว่าเซอร์เนี่ยเป็นสิ่งที่คุ้มค่ามาก ๆ สำหรับผมและก็ทีมครับ เพราะทุกวันนี้เราได้การเติบโต ได้โอกาสหลายสิ่งหลายอย่างจากเซอร์ตรงนี้ครับ”

 

 

เปิดตัวตน “แบงค์” พี่ชาย “แบมแบม GOT7” ใส่สุดทุกด้านไม่ขอใช้เส้นน้องทำงาน

 

แนวทางถนัดของคุณคือ Hip-Hop กับอีกแบบหนึ่งคือ K-pop การเต้นทั้งสองอย่างเสน่ห์ของมันคืออะไร?  

“ผมอยากให้ทุกคนเข้าใจก่อนว่า ในเรื่องของการเต้น สาย Hip-Hop หรือ K-pop จริง ๆ มันคือสไตล์เดียวกัน คือการเต้นสไตล์ Hip-Hop แหละ คำว่า K-pop เนี่ยมันคือแนวของเพลงครับ เหมือนเรากำลังเต้น Hip-Hop ในเพลงของ K-pop เฉย ๆ แต่ทีนี้ K-pop จุดขายมันไม่เหมือนกัน ในสายของ Hip-Hop ส่วนมากเน้นในสายของหลักการและเทคนิค เรียกว่าสกิลของผู้เรียนหรือผู้เต้นให้ได้มากที่สุด on base ของดีไซน์ใน Meaning ของเพลง แต่ในขณะเดียวกันของ K-pop มันจะเป็นการสร้าง Performance บนการเป็น Entertainment Value คือเราจะทำยังไงดูรู้สึกยังไงแล้วชอบ ดูแล้วจำได้ ในขณะเดียวกันส่งเสริมให้ศิลปินเก่ง แล้วเราอยากมีส่วนร่วมกับท่าเต้นนั้นให้มากที่สุด คือการดีไซน์ชิ้นงานมาบนความบันเทิง”

 

ความชอบเรื่องการเต้นของคุณ เกิดขึ้นจริงจังหลังจากนั้นไหม หรือเกิดขึ้นตอนไหนกันแน่?

“จริงๆความชอบมันเกิดขึ้นเมื่อไหร่มันตอบยากมาก ไม่รู้ว่าเริ่มต้นจริง ๆ เมื่อไหร่ เรื่องเต้นมันเข้าในชีวิตผม 2 ครั้ง ครั้งแรกตอนประมาณ 13-14 ปีคือแม่ผมเห็นลูก ๆ ติดเกมก็เลยจับไปเรียนเต้น ก็เลยเป็นที่มาของครอบครัวผมที่เต้นกันหมด ไม่ว่าจะเป็นพี่ชาย น้องชาย น้องสาว แต่ผมคือคนเดียวที่ไม่เอาเลย ตอนนั้นไปโรงเรียนชื่อว่า บ้านสี่ศิลป์ แต่ปัจจุบันไม่อยู่แล้ว ไปเรียนอยู่ประมาณ 3 ครั้ง ผมว่าผมไม่เอาละ ผมไม่ชอบ ผมก็ไปเฟ้นหาชีวิตของตัวเองในแบบอื่น ไปทำนู่นนี่นั่น ผมเป็นคนชอบทำอะไรเอง และชอบแตกต่างจากคนในครอบครัวนิดนึง จนมาช่วงก่อนจบ ม.ปลาย ช่วงประมาณ ม.5 ปลายๆ ม.6 ต้นๆ เพื่อนชวนทำชมรมเต้นในโรงเรียนสตรีวิทยา 2 ความที่คนทุกคนรู้ว่าที่บ้านผมทุกคนเต้นกันหมด ก็เลยคิดว่าแบงค์ก็ต้องเต้นได้เหมือนกัน ก็เลยทำชมรมเต้น สร้างชมรมขึ้นมา คนที่ร่วมสร้างชมรมเต้นขึ้นมา ก็ยังเป็นครูในทีมผมปัจจุบันนี้เลยนะ พอสร้างขึ้นมา ตอนนั้นเนี่ยก็เต้นกันเอาสนุก เลยรู้จักกับการเต้นมากขึ้น และก็เริ่มชอบ”

 

เปิดตัวตน “แบงค์” พี่ชาย “แบมแบม GOT7” ใส่สุดทุกด้านไม่ขอใช้เส้นน้องทำงาน

 

“บ้านผมเคยประสบปัญหาล้มละลายมาก่อน ช่วงนั้นผมเลยอยากหารายได้ให้กับตัวเองแล้วก็ชอบทำงานมาก ๆ ผมไปขอสอนเต้นในฟิตเนสแถววัชรพล ซึ่งตอนนั้นเขาก็ไม่ให้สอน เพราะเรายังเป็นเด็ก ม.ปลายอยู่เลย ใครเขาจะให้สอน จังหวะโชคดีครับ เจอครูคนหนึ่งที่เขาเป็นครูสอนเต้นอยู่ในนั้น ชื่อว่า “ครูโอ๊ต (ชานุกฤต เธียรกัลยา)” ถ้าเกิดทุกคนเสิร์ชจะรู้เลยว่าแกเป็นครูสอนเต้นรุ่นก่อนหน้านี้ จากนั้นแกเป็นคนที่มอบโอกาสให้ผม เหมือนลองให้ไปสอนไปดูที่สตูดิโอของแก ครูโอ๊ตเป็นคนที่เรียกว่าเป็นคนที่ถ่ายทอดวิชาแล้วก็เปิดโอกาสให้ผมได้เป็นครูสอนเต้น ได้สัมผัสการเป็นครูสอนเต้นครั้งแรก จากนั้นก็ได้เจอคนที่ 2 เขาชื่อพี่เปิ้ล (rumpuree) ที่ให้โอกาสผมได้เป็นครูสอนเต้นด้วยเหมือนกัน ทีนี้พอเข้ามหาวิทยาลัย ผมก็หยุดทำครูสอนเต้นแล้วก็ลองหาอย่างอื่นทำ เพราะว่าเราไม่รู้ว่าตอนนั้นเราชอบที่สุดรึเปล่า กับผมตั้งใจว่าจะเรียนจบให้เร็วที่สุด แล้วก็ทำงานให้เร็วที่สุด เพราะไม่ชอบเรียนหนังสือ ไม่ชอบเลยจริงๆ แต่ว่าเราก็ไม่ได้แบบฮาร์ดคอถึงขั้นที่ว่าเลิกเรียนละทำงานเลย อันนั้นก็เรียกว่าโหดไปนิดนึง เรียนจนจบมาได้ แต่ว่าช่วงนั้นเราก็ลองหา ทำมาหลายอย่างมาก ช่วงที่สอบเข้ามหาลัยผมลองมาทุกอย่างเลยครับ ไปสอบเชฟ เพราะผมชอบทำอาหาร แต่สอบไม่ผ่านเพราะภาษาอังกฤษไม่ได้ (ยิ้ม) และด่านต่อมาก็ไปสอบนิติฯ เพราะเป็นคนชอบพูดแล้วก็ชอบเถียง เผื่อเป็นทนาย ซึ่งก็ตามสภาพครับ ก็ไม่รอดเหมือนกัน (หัวเราะ) แล้วก็มาลองดูอีกสายหนึ่งที่เราโอเค ก็คือสายนิเทศศาสตร์ เพราะเคยได้ร่วมงานกับค่าย GDH มาก่อนด้วย เลยเป็นอีกทางที่เราโอเคครับ”

 

อย่างการทำงานกับน้องชาย แบมแบม กันต์พิมุก หรือ แบมแบม GOT7 เป็นมาอย่างไร?

“จริง ๆ ต้องเล่าก่อนว่าผมทำงานกับเกาหลีอยู่แล้ว ผมทำอะไรด้วยตัวเองครบหมดอยู่แล้ว
เราก็จะเห็นในไอจีว่าผมแบบไปประชุมกับรัฐบาลเกาหลี ซึ่งตรงนั้นมันไม่ใช่พาวเวอร์ของน้องชายเลย และเวลาทำงานกับน้องชาย ผมจ่ายค่าตัวน้องครบด้วยนะ ( หัวเราะ ) คือเวลาเราทำงานเราทำงานกันจริง ๆ ไม่ได้อิงความเป็นครอบครัวเลย เมื่อก่อนเคยกดดัน เรียกว่าเป็นความน้อยใจ ช่วงแรก ๆ ทำอะไรมาคนก็คิดว่าเติบโตได้เป็นเพราะน้องชายอะไรแบบนี้ เรียกว่าเหมือนเราทำอะไรแล้วคนเห็นเป็นอีกแบบนึงตลอดเลย แต่ทุกวันนี้เรื่องนี้ก็เบาลงมาก คนเริ่มเห็นแล้วว่าเราทำด้วยตัวเองได้จริง ๆ ซึ่งก็โอเคครับ กับเหมือนพอเราโตขึ้นมาในอีกระดับ เรารู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องที่เราต้องสนใจมากขนาดนั้นแล้ว”

มันทำให้เรามีภูมิเยอะขึ้นกับโซเชียลและการคิดเห็นต่างๆที่มาถึงคุณ มันทำให้เข้าใจมากขึ้นหรือเปล่า?
“เมื่อก่อนเราไม่มีภูมิคุ้มกันด้านโซเชียลเลย วางตัวไม่ถูก ทำอะไรแปลก ๆ ตามสไตล์คนแบบแบงค์ พอวันนึงได้เข้ามาทำงานที่เกี่ยวข้องกับด้านนี้จริงๆ เราก็เติบโตขึ้นตามกาลเวลา เริ่มแยกแยะได้ ซึ่งช่วงหลังๆ ก็โอเคครับ แยกแยะได้หมดแล้ว”

 

แล้วอย่างแบมแบมเองให้กำลังใจมั้ย?

“เราให้กำลังใจกันอยู่ตลอดครับ เราเป็นพี่น้องที่คุยกันตลอดทุกเรื่อง คุยกันบ่อยมากๆ ยังเป็นพี่น้องที่สนิทกัน ต่างคนอยากได้อะไรก็บอกกันตลอด หรือใครอึดอัดเรื่องไหนอะไรยังไง อย่างเช่น น้องเขาก็ถามผมตลอดว่า บริษัทเป็นไงบ้าง อะไรยังไงบ้าง ผมก็เล่าให้เขาฟัง แล้วผมก็ถามน้องตลอดเป็นไงไปไงคอนเสิร์ต ทำเพลงมา เต้นตอนนี้ขาเจ็บเหรอ ก็คุยกันตามประสาพี่น้องปกติ”

 

 

อย่างในอนาคตยังอยากทำอะไรที่เป็นของเราเอง นอกเหนือจากธุรกิจตัวนี้มั้ย?

“ถ้าคุยตรง ๆ อยากมีชีวิตแบบทั่ว ๆ ไป เมื่อก่อนผมจะคาดหวังว่าตัวเองต้องรวย เลยเอาเวลาไปทุ่มกับงานหมด เพราะว่าชีวิตนี้เราผ่านมาสองรูปแบบ ทั้งตอนที่เรามีเงิน ผ่านจุดที่โอเค และล้มละลายหรือผ่านจุดที่ต่ำที่สุดมาแล้ว พอเราทำงานในวงการเราเห็นคนในรูปแบบหลากหลายมาก เลยรู้สึกว่าการรวยเป็นทางเลือกที่ดีครับ แต่ในวันนี้อาจจะเปลี่ยนไปแล้ว ผมอยากมีชีวิตปกติ ไม่ต้องโหมงานหนัก มีเวลาให้ตัวเองและคนรอบตัว จะตื่น 9 โมงก็ได้ ตื่น 10 โมง 11 โมงไปทำงาน เลิกดึกหน่อยก็ไม่เป็นไร สายงานเราเลิก 5 โมงเย็นไม่ได้อยู่แล้ว (หัวเราะ) มีวันหยุดไปเที่ยวอะไรแบบนี้ครับ ไม่ได้คาดหวังว่าต้องมีบ้าน 50 ล้าน 100 ล้านเหมือนแต่ก่อนแล้ว ผมขอแบบมีบ้านหลังนึง มีรถที่อยากได้สักคันนึง ผมเป็นคนชอบรถมาก ผมชอบทุกสิ่งที่เรียกว่ายานพาหนะ ตามสไตล์ผู้ชายครับ เป็นคนที่ฝันว่าอยากจะมีรถในดวงใจ”

 

 

เปิดตัวตน “แบงค์” พี่ชาย “แบมแบม GOT7” ใส่สุดทุกด้านไม่ขอใช้เส้นน้องทำงาน

 

มาถึงเรื่องราวของความรักที่หลายๆคนอยากรู้มากๆว่าคุณมีแฟนหรือไม่?

“จะบอกว่าเวลาไลฟ์ใน IG คนถามเยอะมากเลย เราก็ไม่ได้บอก เป็นคนที่เปิดเผยเรื่องแบบนี้น้อยมาก แต่วันนี้มาถึงนี่แล้ว ก็รับปากจะตอบให้ ( ยิ้มหวาน ) ตอนนี้ยังโสดอยู่ครับ ก่อนหน้านี้ไม่ค่อยได้ให้เวลากับเรื่องนี้เท่าไหร่ ดูแลความรักได้ไม่เต็มที่ ก็เลยกลับมาเป็นโสดจนถึงทุกวันนี้ครับ”

 

แต่ไม่ถึงขั้นเข็ดกับความรักใช่ไหม ?

“ไม่ถึงขนาดนั้นครับ  ถามว่าทุกวันนี้มองหามั้ย ก็มองครับ แต่ยังไม่ถึงขั้นไปเข้าหาใคร”

 

 

สเปคของคุณเป็นคนแบบไหน จะเป็นคนไทย หรือ ต่างชาติ ?

“ผมชอบคนไทย ไม่ชอบคนต่างชาติเลย ผมชอบที่อายุน้อยกว่า เราชอบการดูแลคน ถ้าคุยตรงๆ เหมือนผมเป็นคนที่มีทัศนคติความรักประมาณว่า เราจะมีทุกอย่างด้วยตัวเองให้ครบก่อน ผมไม่ได้ตามหาจิ๊กซอว์ที่ขาดหายไปอะไรทำนองนั้น ผมมองว่าคนที่จะเข้ามาอยู่ข้าง ๆ ผม เป็นเหมือนกำไรในชีวิตผม เราไม่ต้องสนใจว่าวันนี้เราจะต้องทำอะไรให้เติบโต ให้อยู่รอด แค่ผมและเขาจะได้อยู่ข้าง ๆ กันในฐานะคนรักจริง ๆ ซัพพอร์ตความเป็นอีกคนได้โดยไม่ต้องมีภาระอะไร กับผมชอบคนที่ เวลาผมมีปัญหา เขาจะเป็นคนที่เรียกสติให้ผมได้ แค่นี้เลยครับ”

 

“ส่วนตัวผมเป็นคนที่คบกับคนอายุเยอะกว่าไม่ได้ มันอธิบายได้ยากมาก เคยมีคนนึงคุยแล้วอายุเยอะกว่า เรารู้สึกว่ามันไม่ได้จริง ๆ ครับ ไม่รู้เพราะอะไร จะชอบที่อายุเท่ากัน หรือ น้อยกว่าเพราะเราชอบเทคแคร์ ย้อนกลับไปปีนึง ผมได้คบหากับคน ๆ นึง ตอนนั้นเราเจอภาวะที่กดดดันหลายอย่างมาก บริษัทของตัวเอง กดดันค่ายเพลง เพราะว่าเราก็ต้องทำทกตรงให้ได้ดีครับ เวลาส่วนตัวผมก็ไม่มี เหมือนพอความเครียดสะสม ความเหนื่อยสะสมเรากลับรู้สึกว่าเราไปถอยเรื่องของเขาลง ผมเลยรู้สึกว่ามันก็เป็นความผิดพลาดมาก ๆ สำหรับผม แล้วเราก็ไปทำแย่ ๆ ใส่เขา พอเขาจากไป เราก็เพิ่งรู้สึกได้ว่าเราเสียสิ่งที่ดีที่สุดไปแล้ว เป็นคนรู้ตัวช้าครับ”

 

วันนี้ก็ยังแฮปปี้กับความโสดอยู่ ?

ก็ยังแฮปปี้ครับ แต่ก็หาเหมือนกันนะ แต่ไม่ได้จริงจัง เราเน้นอยู่เฉย ๆ ไม่ได้คุยกับใครเป็นพิเศษเลยครับ รอดูว่า ถ้ามีโอกาสได้แก้ตัวกับคนเก่าก็คงดี แต่ถ้าเกิดจะมีคนใหม่ที่เดินเข้ามาดีๆผมก็ยินดีเหมือนกัน ประมาณนั้น”

 

คาดหวังเรื่องการแต่งงานไหม ?

“จริง ๆ ผมมีในใจ อยากงานในแบบขีดสุดท้ายที่แต่งงานได้ครับ อายุ 39 -40 ปีประมาณนี้ อันนี้แบบเรื่องจริงเลย ผมเป็นคนที่ไม่อยากแต่งงานเร็ว แต่ว่าถ้าเกิดถึงคราวที่ต้องเปลี่ยนแปลงในอนาคต ก็ดูอีกทีนึงครับ ผมแค่รู้สึกว่าผมยังไม่ได้ใช้ชีวิตวัยรุ่นเลย มันจะเป็นอีกสิ่งนึงที่ผมพึ่งจะได้ทำในช่วงนี้ ขอใช้ชีวิตก่อน ก่อนที่จะไปใช้ชีวิตในโหมดแบบครอบครัว ถ้าเราเปลี่ยนไปเป็นบทครอบครัวแล้ว หลายอย่างมันจะไม่เหมือนเดิม เราจะมีขีดจำกัดมากขึ้นแล้ว เราจะไปเที่ยวหรืออะไรเราก็ต้องดูครอบครัว เรารู้สึกว่าเรายังใช้ชีวิตก่อนหน้านี้ยังไม่ครบเลย”

 

เปิดตัวตน “แบงค์” พี่ชาย “แบมแบม GOT7” ใส่สุดทุกด้านไม่ขอใช้เส้นน้องทำงาน

 

 

ที่มา Daily POP LIVE