"Exclusive Talk" ปรากฏการณ์ “พรหมลิขิต” ดังไปทั่วเมือง ทั้งครอบครัวต้องดู!
ถือเป็นโอกาสดีดี ที่ได้พูดคุยกับผู้จัดฯ มากฝีมือ “พี่หน่อง อรุโณชา ภาณุพันธุ์” จากค่าย “บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น” ผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของละคร “บุพเพสันนิวาส” และ “พรหมลิขิต” จนทำให้เกิดปรากฏการณ์ต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมาย
ช่วงบ่ายเราไปถึงสถานที่นัดหมาย อาคารมาลีนนท์ ทาวเวอร์ ย่านพระรามสี่ ที่นั่นเราจะได้เจอกับ “พี่หน่อง” ก่อนจะเริ่มสนทนา “พี่หน่อง” พาย้อนวันวานไปถึงบุพเพสันนิวาส
“พูดถึงบุพเพสันนิวาสเป็นอะไรที่เกินความคาดหมาย เนื่องจากเป็นนิยายที่ได้รับความสำเร็จ ตอนที่เราทำเป็นละคร คนไทยก็ได้ดูละครที่เกิดขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช จากสิ่งที่เกิดขึ้นในบุพเพสันนิวาส มันก็เกิดกระแสการแต่งกายชุดไทย อาหารไทย ยังเกิดกระแสประวัติศาสตร์ทำให้คนค้นหาข้อมูลของพระยาโกษาธิบดี (ปาน) ค้นหาข้อมูลสมัยสมเด็จพระนารายณ์, พระปีย์, ท่านโหราธิบดี หรือประวัติของพี่หมื่น สิ่งที่เกิดขึ้น คือกระแสประวัติศาสตร์เกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง ทำให้สังคมเรียนรู้ไปพร้อมกัน ยังเกิดกระแสของการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม เกิดกระแสการท่องเที่ยวที่จังหวัดลพบุรีและอยุธยาอย่างมากมาย ทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นโดยองค์รวม”
“บุพเพสันนิวาส เกิดในยุคทีวีดิจิตอล ตอนนั้นทุกคนคิดว่าทีวีไปไม่ได้แล้ว แต่เรตติ้งของบุพเพสันนิวาส กทม.ไปถึง 20 กว่า ทั่วประเทศได้ 18 ถือเป็นปรากฏการณ์อย่างหนึ่ง ผู้ชมหรือคนไทยทั้งประเทศให้ความรัก ความสนใจ รักในละครเรื่องนี้ กระแสในโลกออนไลน์ มีการรับรู้เข้าถึง 8.4 Billion คนค้นหาคำว่า มะม่วงน้ำปลาหวาน, พ่อหมื่น, แม่การะเกด, เกศสุรางค์ อันนี้ถือเป็นของโลก บุพเพสันนิวาสได้รับรางวัลโซเชียลระดับโลก ได้ World Trend อันดับหนึ่งด้วย จนกระทั่งสถานีเอามารีรันก่อนเข้าพรหมลิขิต เรตติ้งก็ขึ้นไปที่ 5 กว่า ๆ และรักษาระดับ แสดงว่าผู้ชมเตรียมพร้อมที่จะชมพรหมลิขิต"
คุยกันไปยิ้มกันไป จนมาถึงความเครียดและความกดดันในการทำ “พรหมลิขิต” ภาคต่อของ “บุพเพสันนิวาส”
“พอมีโครงการจะสร้างภาคต่อ กดดันมากตั้งแต่รู้ว่าจะทำ จะทำยังไง ทุกอย่างเหมือนทำไปหมดแล้ว ในเรื่องของอาหาร ชุด ประวัติศาสตร์ โจทย์ก็ยากขึ้น จะเดินเรื่องยังไง การต่อเนื่องยังไง ต้องคำนึงถึงผู้ชม จากภาคแรกมาถึงภาคสองผ่านมาแล้ว 5-6 ปี แปลว่าเราจะมีคนรุ่นใหม่เด็กอายุประมาณ 3-5 ขวบที่ไม่เคยดูมาก่อนจะเข้าใจมั้ย ยังมีเรื่องนักแสดง เราปูว่าเป็นแฝด ฉะนั้นลูกแฝดจะต้องโต แล้วโตมาเป็นพระเอก ต้องคิดว่าโตแล้วจะเป็นใครเล่น ตัวพ่อจะเป็นใครเล่น โจทย์นี้จะเห็นว่าตั้งแต่เราเริ่มเปิดกล้อง แล้วมีข่าวกระแสทุกคนจะถาม ใครเล่นเป็นใคร พอตัดสินใจจะทำแบบนี้ต้องปรึกษากันหมด ระหว่างคนเขียนบทและนักแสดง คุยกับโป๊ป (โป๊ป ธนวรรธน์) และ เบลล่า (เบลล่า ราณี) บอกว่าเรื่องเป็นแบบนี้ เราทิ้งตัวเดิมไม่ได้ พอเป็นแฝดที่หน้าเหมือนกันก็เป็นโจทย์ที่ยาก จะทำยังไงให้คนดูรู้สึกแตกต่าง เราฟิตติ้งแล้วทำคาแร็คเตอร์แล้ว ที่เหลือคือนักแสดงต้องทำการบ้านคาแร็คเตอร์แต่ละตัวจะแสดงออกมาเป็นแบบไหน ตรงนี้เป็นสิ่งที่ยากมาก ๆ พอโปรโมทออกไปปุ๊บคนดูไม่เข้าใจ ทำไมคุณเปลี่ยนไม่ได้เหรอ? ทำไมต้องสามคน แต่ตรงนี้เรามีโจทย์ของเราอยู่แล้วว่ามันทำไม่ได้เพราะอะไร ถ้าทำแล้วจะมีผลยังไง แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น โจทย์มีทางเดียวเลยที่มองว่าดีที่สุด แต่ยังมีส่วนหนึ่งไม่เข้าใจ"
"พี่เองรอจนถึงวันที่ทุกคนได้เห็น ทุกอย่างคลี่คลายตอนงานออกอากาศ ถ้าพี่โป๊ปจบที่บุพเพสันนิวาส พอพรหมลิขิตเปลี่ยนพ่อแม่ใหม่หมดเลย คนดูต่อไม่ติดแล้ว พี่ว่าพี่ต้องตายตั้งแต่ตอนหนึ่ง (หัวเราะ) ในการทำแฝดจะไม่ค่อยทำแฝดแล้วมีคนเล่นเยอะ ๆ มันต้องเล่นหลายครั้ง แล้วต้องมีความต่อเนื่อง ต้องตัดต่อ ทำCG ใครขยับนิดเดียวโดดหมด ของเราแฝดแบบครอบครัวนั่งกันอยู่ห้าคน ทำกันทั้งวัน ก็ดีใจพอผลออกมาทุกคนชมว่าฉากแฝดเนียนมาก CG ดีมากรู้สึกโล่งอก (หัวเราะ)”
ผลงานมาสเตอร์พีซ หรือไม่นั้นอยู่ที่ผู้ชม
“จริง ๆ แล้วคือทุกอย่างอยู่ที่ผู้ชมเป็นคนที่บอกได้เท่านั้น ว่าผลงานชิ้นนี้ได้รับการยอมรับ เราเองคงไม่ต้องบอกว่าอะไร สิ่งที่เกิดขึ้นในสังคม สิ่งที่ออเจ้ากันทั้งเมือง สิ่งที่ทุกคนแต่งชุดไทยเป็นคำตอบว่า ละครก่อให้เกิดกระแสในแง่บวกกับประเทศชาติ ทั้งเรื่องของวัฒนธรรมไทย ทั้งเรื่องของอาหารไทย หรือที่คนบอกซอฟต์พาวเวอร์ อะไรก็ตามที่ถูกพูดถึง ทั้งบุพเพสันนิวาสจนมาถึงพรหมลิขิต เป็นกระแสบวกเป็นกระแสที่สร้างสิ่งดีงามให้สังคม สร้างความสุขสร้างรอยยิ้ม”
มาถึงตรงนี้เราถามว่า อยากจะยกความสำเร็จนี้ให้กับใคร
“ต้องยกความสำเร็จให้ทุกท่านที่เกี่ยวข้อง ผู้ที่เริ่มคิดเรื่องคุณรอมแพง เรื่องราวที่น่าสนใจอิงประวัติศาสตร์ ผู้ที่สำคัญมาก ๆ อาจารย์แดง ศัลยา ท่านเขียนบทที่ดีมาก ๆ จากตัวหนังสือเราสร้างให้ออกมาเป็นภาพเป็นละครที่มันได้อรรถรส ผู้กำกับฯ พี่นาย สรัสวดี นักแสดง โป๊ป, เบลล่า และนักแสดงทุกท่านทุกองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าหน้าผม ชุดไทยที่ทั้งของกษัตริย์ ทำผ้าออกมาได้อย่างสวยงาม แม่จีจี้และทีมออกแบบชุดของพุดตานที่กลมกลืน ในเรื่องประวัติศาสตร์เรามีที่ปรึกษาทางประวัติศาสตร์ ชื่อ อ. วิโรจน์ ในการทำงานต้องยืนอยู่บนพื้นฐานของความถูกต้องเท่าที่จะทำได้มากที่สุด เป็นละครที่ยิ่งกว่าภาพยนตร์ ทำสตอรี่บอร์ดทุกฉากเหมือนงานโฆษณา เรื่องนี้ยากทุกซีน ต้องขอบคุณและยกความดีให้กับทีมงานทั้งหมด รวมถึงช่องสามที่อยากให้ทำเรื่องนี้ แต่ที่สุดต้องขอบคุณผู้ชม"
"ขอบคุณออเจ้าที่รักตัวละครรักในละครเรื่องนี้ ทำให้เกิดกระแสอย่างกว้างขวาง ผู้ชมไม่ใช่ในเมืองไทย บุพเพสันนิวาสไปได้ถึง 20 ประเทศ พรหมลิขิตเองก็ได้สร้างปรากฏการณ์ในเรื่องต่างประเทศ เป็นเรื่องแรกที่มีการ Simulcast (การออกอากาศคู่ขนานไปกับอีกหลายประเทศ) ในเอเซีย อาทิ สิงคโปร์, เวียดนาม อย่างในสล็อตของประเทศสิงคโปรก็จะออกอากาศไทม์ไลน์ใกล้เคียงกับเรา เรื่องของ Simulcast มันไม่เคยเกิดขึ้นเลยว่าต่างประเทศอยากจะดูงานของเราที่ไม่ใช่ผ่านแอปพลิเคชั่น แต่ดูผ่านสถานีโทรทัศน์ไปพร้อม ๆ กัน ซึ่งมันเกิดขึ้นแล้วเป็นละครที่มีความสากล ซึ่งบุพเพสันนิวาสทำได้ เราก็ไม่กล้าคาดว่าพรพมลิขิตจะสร้างปรากฏการณ์ได้อีกครั้ง”
กระแสออนไลน์ที่รับรู้ได้ทันที
“การทำละครของพี่ ในแต่ละเรื่องที่มีเรตติ้งที่สูงมาก ๆ พี่เดินตลาดเองเลย ตอนนั้นออนไลน์ยังไม่ได้ขนาดนี้ ตอนดอกส้มสีทอง ไปเดินเองเลย เดินเยาวราช เดินวงเวียนใหญ่ เดินลาดพร้าว อยากทราบเสียงตอบรับ แล้วมันก็เป็นกระแสอย่างที่เรตติ้งมันปรากฎ แต่มาวันนี้ละครออกมากระแสมาทันที ที่สำคัญการต่อยอดของผู้ชมเริ่ดมาก (หัวเราะ) น่ารักมาก ในทวิตเตอร์เราจะเห็นความชอบความไม่ชอบ เราเองได้รับความรู้จากทางผู้ชมจากคอมเมนต์ ทุกอย่างกลายเป็นประเด็นของสังคม มันยากนะที่จะทำให้ติดเทรนด์ทวิตเตอร์อันดับหนึ่งอย่างต่อเนื่อง”
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า “พรหมลิขิต” ทำให้ผู้ชมหันกลับมาสนใจประวัติศาสตร์อีกครั้ง
“อันนี้ก็เกินคาด สิ่งที่เกินคาดในพรหมลิขิตเยอะมาก เกินคาดตั้งแต่ตอนที่หนึ่ง พอฉากประวัติศาสตร์ออกไปปุ๊บมันมีการต่อยอดทันที ทุกคนที่เจอตัวหรือทักเข้ามาในออนไลน์จะบอก เรื่องนี้ทำให้สนใจประวัติอย่างมาก มีการพูดคุยกันทุกวันทุกฉากทุกซีน ไม่มีฉากไหนหลุดรอดไปได้เลย ทำให้สังคมใกล้ชิดในเรื่องประวัติศาสตร์ มีวัยรุ่นท่านนึงบอกว่า หนูรู้สึกว่าหนูดูเรื่องนี้ได้ยินแต่คนพูดถึงประวัติศาสตร์ ตอนนี้ประวัติศาสตร์อยู่ในสังคมของเราแล้ว แต่ละวันทุกคนพูดถึง ไม่ใช่เรื่องไกลตัว ทำให้ความรักและความภาคภูมิใจในความเป็นคนไทยเกิดขึ้นได้อย่างทั่วถึง อย่างที่มีการจัดงาน เยือนตลาดพรหมลิขิต สวมจริตออเจ้า ที่ผ่านมา ได้เห็นคนมาจากทุกภาคบินมางาน อยากมาเจอดารา แล้วเหมือนงานวันเด็กที่เด็กใส่ชุดไทย พ่อแม่เดินมาขอบคุณ ดีใจมากเลยลูกบอกหนูอยากใส่ชุดไทย (ยิ้ม)”
“ซอฟต์พาวเวอร์” กับละครไทย
“คำว่า ซอฟต์พาวเวอร์ เป็นกระแสในช่วงหลายปีมานี้ ถ้าเป็นของบุพเพสันนิวาสและพรหมลิขิต ก็คือวัฒนธรรมมไทยที่งดงาม ความแข็งแรงของวัฒนธรรมไทย อาหาร เครื่องแต่งกาย ชุดไทยเราเองรักษาสิ่งดีงามที่สืบมาจากโบราณ ตรงนี้เราก็นำมาใส่ไว้ในละคร ต้องขอบคุณบรรพบุรุษที่ได้สร้างสิ่งที่ดี เราแค่สานต่อ หลายคนได้เห็นถึงความงดงามนี้ มันเชื่อมต่อแล้วมันก็ถูกพัฒนาให้เข้ากับสังคมปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นชุดไทย อาหารไทย ประวัติศาสตร์ไทย โบราณสถานของเรา ก็คงจะสืบต่อไป ดีใจที่ต่างชาติใส่ชุดไทย เดินมาในประเทศไทยถ่ายรูปกัน ในต่างประเทศเริ่มใส่ชุดไทยกันแล้ว จริง ๆ บ้านเรามีคนเก่งเยอะ ทั้งผู้ผลิตภาพยนตร์ ผู้กำกับฯ ที่เก่ง ๆ มีผลงานที่ไปได้รับรางวัล หรือผู้ผลิตละครรุ่นใหม่ พี่ก็มองว่า แต่ละเรื่องมีแง่มุมในการนำเสนอเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ที่แตกต่างกัน เชื่อมั่นว่าคนรุ่นใหม่จะนำเสนอในแง่มุมอื่นๆ ที่มันมีความเข้าถึงประชาชน”
นอกจากความสนุกสนาน, ความรัก, ประวัติศาสตร์, ซอฟต์พาวเวอร์ คนดูได้อะไรอีก
“สิ่งที่รู้สึกและสัมผัสได้ บุพเพสันนิวาสและพรหมลิขิต เป็นละครของครอบครัว สิ่งที่สร้างให้เกิดคือความสุข รอยยิ้ม ในท่ามกลางกระแสของเศรษฐกิจ หรือปัญหาใดใดของสังคมที่เกิดขึ้นที่เราเห็นกันอยู่ แต่ว่าเวลาของละครได้กลายเป็นเวลาของความสุข เป็นเวลาของครอบครัว จากสิ่งที่ผู้ชมบอกว่ากลับไปรวมตัวกันเป็นครอบครัว คุณแม่ คุณพ่อ คุณป้า คุณยาย อันนี้เป็นความภูมิใจ เราทำละครมานาน เรารู้มันยากที่จะทำให้มันเกิดขึ้น แล้ววันนึงมันก็เกิดขึ้นได้ ความสุขหาซื้อไม่ได้ รอยยิ้มหาซื้อไม่ได้ แต่ละครมันสร้างสิ่งดีดีให้เกิดขึ้น เป็นความภูมิใจมาก (เราถามแทนคนอ่านว่าจะมีภาคที่สามให้ได้ชมกันอีกมั้ย?) มีแต่คนถามมากเลย (ยิ้ม) ต้องถามสถานี (หัวเราะ) ทุกอย่างอะไรก็เป็นไปได้ แต่ทั้งนี้ต้องมีปัจจัย หลังจากนี้ต้องติดตามค่ะ แต่ละตอนมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปทุกตอน อยากให้ดูจนจบ บอกไม่ได้เดี๋ยวสปอย พรหมลิขิต คือคำตอบของบุพเพสันนิวาส”
ก่อนจะจบบทสนทนาในวันนี้ เราถาม “พี่หน่อง” ว่าเชื่อในเรื่อง Destiny มั้ยคะ ผู้จัดฯ คนเก่งตอบว่าเชื่อมาก และคิดว่ามีจริง ดั่งที่ตัวละครได้กล่าวเอาไว้ว่า “พรหมได้ลิขิตมาแล้ว มันไม่มีโอกาสที่จะเจอก็ได้เจอ” เราเองก็แอบคิดในใจต่อทันทีว่า แม้กระทั่งวันที่เราสองคนมานั่งพูดคุยกัน ก็ถูกกำหนดมาแล้วเช่นกัน...