"สัปเหร่อ" ถือว่าเป็นภาพยนตร์แห่งปีที่มาแรง กระแสตอบรับดีต่อเนื่อง สำหรับภาพยนตร์ไทยแฝงแนวคิดในการใช้ชีวิต พลังและศรัทธาในความรัก
หลังจากที่เข้าฉายไม่ถึงเดือนก็ทำรายได้ทั่วประเทศทะลุ 300 ล้านบาท ล่าสุด "สัปเหร่อ" ทะยานสู่ 700 ล้านบาทแล้วจ้า
นอกจากนี้ ยังมีข่าวดีให้ชื่นใจอีกว่า "สัปเหร่อ" เตรียมโกอินเตอร์แล้วนะ พร้อมฉาย 9 ประเทศในทวีปเอเชีย หูยยยย แรงสสสส จริงๆ ต้องเต รวยๆ จ้าจากใจเอฟซีใบข้าวคนสวย
เฟซบุ๊กเพจ Thibaan Channel เผยรายละเอียดที่น่าชื่นใจไว้ว่า
"สัปเหร่อ" GO IN TER เดินทางสู่สายตาผู้ชม 9 ประเทศ
ล่าสุด "ต้องเต" หรือ ต้องเต ธิติ ศรีนวล ผู้กำกับภาพยนตร์มาดเซอร์สุดแนว ที่ช่วงนี้กระแสแรงโดนใจมหาชน ได้โพสต์คิวงานตลอดเดือนพฤศจิกายน ซึ่งหากใครได้เห็น ก็จะต้องอุทานว่าว้าววววมากเฮียต้องเต
เพราะเท่าที่ดู คิวงานของผู้กำกับคนนี้ยาวถึงสิ้นเดือน พ.ย.แล้วนะ
พร้อมระบุข้อความสุดน่ารักตามสไตล์ "ต้องเต" เขาละคร้าาบบบบบ
"ขอบพระคุณมากๆนะครับ #มาเจอกันได้เด้อครับ #สัปเหร่อ #DTT"
เปิดประวัติ ผู้กำกับคนดัง "ต้องเต ธิติ"
ผู้กำกับ 700 ล้านในขณะนี้ >> ต้องเต มีชื่อจริงว่า ธิติ ศรีนวล
"ต้องเต ธิติ" เกิดเมื่อวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2539
"ต้องเต ธิติ" จบการศึกษาระดับปริญญาตรีที่คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
ติดตาม ต้องเต >> IG : tongte_thiti
ผลงานการกำกับ ของ ต้องเต ธิติ
ก่อนหน้านั้น "ต้องเต" ยังเคยเป็นนักแสดงจากภาพยนตร์ ผู้บ่าวไทบ้าน ต่อมาเมื่อได้เล่น MV ของนักร้องคนดังอย่าง "ก้อง ห้วยไร่" ชื่อเสียงก็เริ่มเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น
แต่ความสามารถของต้องเต นั้นไม่ได้เป็นเพียงแค่นักแสดง เพราะว่าเท่าที่แชร์ข่าวต่อๆ กันมา เขาคือหนึ่งในคนที่คิดพล็อตเรื่องใน MV ด้วยตนเองอีกด้วย
เปิดผลงานการกำกับมิวสิควีดีโอ
หนังไทย “สัปเหร่อ” และ “ธี่หยด” สร้างปรากฏการณ์ขาขึ้นทั่วประเทศ คนแห่เข้าโรงภาพยนตร์เต็มเกือบทุกที่นั่ง แม้จะเป็นรอบดึก สามารถกวาดรายได้ทั้งสองเรื่องสูงถึง 700 ล้านบาท และ 300 ล้านบาทตามลำดับ (ข้อมูลวันที่ 31 ต.ค. 2566) ส่งผลให้หนังไทยตื่นจากความซบเซาอีกครั้ง หลังพี่มากพระโขนง เคยสร้างภาพจำที่ติดตาติดปากคนไทยมากที่สุดไว้
นอกเหนือจากรายได้ที่สะท้อนความสำเร็จแล้ว ยังมีปัจจัยหลายด้านที่ส่งเสริมให้หนังไทยกลับมาเป็นกระแสอีกครั้ง คนกลับเข้าโรงอีกครา
“อนุชา บุญยวรรธนะ” นายกสมาคมผู้กำกับภาพยนตร์ไทย เปิดเผยว่า
"หนังไทยวันนี้มีหลากหลายแนว ทั้งหนังตลก หนังผี ซึ่งเป็นแนวที่คนไทยชอบ มีวิธีการเล่าหรือนำเสนอที่น่าสนใจ อย่างเรื่อง “สัปเหร่อ” เน้นแบบซื่อ ๆ จริงใจ จึงสามารถเข้าถึงผู้คนได้มาก"
ขณะที่หนังแนวรักในวัยรุ่น ในกลุ่มเพื่อน แอนิเมชั่น หรือพีเรียด อย่าง “มนต์รักนักพากย์” ในเน็ตฟลิกซ์ ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้หนังไทยเกิดเป็นกระแสและมีความหลากหลายเช่นกัน
ที่สำคัญ เกิดการเคลื่อนไหวในต่างประเทศ โดยสมาคมนักเขียนบทแห่งอเมริกา (Writers Guild of America-WGA) ในฮอลลีวูด รวมตัวนัดหยุดงานประท้วง สมาพันธ์ผู้ผลิตภาพยนตร์และโทรทัศน์ (Alliance of Motion Picture and Television Producers-AMPTP) เพื่อให้เร่งแก้ปัญหาการทำงาน รวมถึงการใช้ AI หรือปัญญาประดิษฐ์เขียนบท แน่นอนกระทบชิ่งไปถึง “อัตราค่าแรง” และ “ชั่วโมงการทำงาน” ด้วย
ทำให้หนังใหญ่จากฮอลลีวูดที่จะเข้าฉายในไทยต้องเลื่อนโปรแกรมไปโดยปริยาย กลายเป็น “โอกาส” ให้หนังท้องถิ่นมีพื้นที่ฉายในโรงอย่างเต็มที่ คาดว่าจะเป็นเช่นนี้อีก 1-2 ปี ก่อนที่หนังฟอร์มยักษ์เมืองนอกจะกลับมา
ส่วนผู้ผลิตหนังไทยเองก็พัฒนาคุณภาพได้มากขึ้น ทั้งรับฟังคำวิจารณ์จากคนดู หลาย ๆ เรื่องจึงทำได้ดี ที่จริงแล้วหนังไทยมีกลุ่มคนดูอยู่แล้ว แต่อาจไม่ได้ดูในโรง จะรับชมผ่านสตรีมมิ่งมากกว่า
มนต์รักนักพากย์คือตัวอย่างชัดเจน ที่การมีแพลตฟอร์มต่างชาติมาสร้างทำให้มีเม็ดเงินสูงขึ้น คุณภาพงานก็ดีขึ้น รวมทั้งเรื่อง “เมอร์เด้อเหรอ ฆาตกรรมอิหยังวะ” (The Murderer) และ “Hunger คนหิวเกมกระหาย” ก็เช่นกัน
นอกจากหนังตลาดแล้ว ปีนี้หนังเทศกาล หรือหนังรางวัลของไทยก็โดดเด่นไม่น้อยเช่นกัน ล่าสุดหนังเรื่อง “ดอยบอย – Doi Boy” ก็ได้ฉายในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติปูซาน เล่าถึงเรื่องราวของชนกลุ่มน้อย ที่หนีมาทำงานในเชียงใหม่และพัวพันกับอาชญากรรม หรือเรื่อง Red Life-เรดไลฟ์ ที่เล่าถึง เซ็กซ์เวิร์กเกอร์บริเวณวงเวียน 22 กรกฎาคม ก็ได้ฉายในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติโตเกียว ตอกย้ำหนังไทยมีหลากหลายแนว ทำให้ได้กระแสตอบรับจากคนดูเป็นอย่างดี