
การเปิดใจครั้งนี้ "แก้ม วิชญาณี" พูดคุยว่า ?
“ยอมรับว่าคำพูดคนอื่นมันกระทบเรามากอย่างเช่น ร้องแต่โชว์พลัง ตะโกนอย่างเดียวเลย มันทำให้เราคิดว่า เฮ้ย! งั้นเราต้องปรับปรุงตัว ทุกคำพูดเมื่อก่อนตอนที่เป็นเด็ก ๆ คือแก้มจะสามารถเปลี่ยนมาเป็นพลังในการผลักดันตัวเอง จะทำให้เขาเห็นว่าเราทำสิ่งนี้ได้ เราภูมิใจที่เราได้มา แต่กว่าจะทำได้มันมีช่วงต้องให้กำลังใจตัวเองเยอะมาก แม่ต้องปลอบแก้มทุกครั้งและมันถึงจุดที่แก้มบอกแม่ว่า ลูกไม่อยู่วงการแล้วได้มั้ย จริง ๆ ต้องบอกว่ามันสะสมมาจากตัวเราด้วย และจากที่เราแคร์คำพูดของคน ตัวเรานี่โดนตลอดเลย เรื่องที่ว่าไม่มีอารมณ์ร่วมในการร้องเพลง เน้นร้องตะโกนอย่างเดียว โดนด่าจนอ่านไม่ไหว เครียดมากและรู้สึกผิดกับตัวเองมาก รู้สึกผิดกับคนที่เขารู้สึกอย่างนั้นกับเราด้วยว่า ทำไมเขาไม่มีความสุข นึกว่าเขาฟังเราร้องเพลงแล้วเขาจะมีความสุข แต่กลายเป็นว่าเราไปสร้างความทุกข์ให้คนอื่น”
"เป็นคนคิดมากก็คิดจนมันวน จากเมื่อก่อนสามารถดึงความภูมิใจของตัวเองกลับขึ้นมาได้ แต่พอช่วงหลัง ๆ มันช่วยแก้มไม่ได้ มันรู้สึกไม่อยากเจอใคร รู้สึกเราไม่ดีพอ คือหนูเห็นตัวเองเป็นก้อนดำ ๆ ไม่รู้จะไปทางไหนเลย อย่าเข้าใกล้ฉันเลย ฉันไม่ดี ฉันสกปรกมาก กลัวคนอื่นรู้สึกไม่ดีเวลาอยู่ใกล้ เวลาไปเจอน้องแฟนคลับแล้วเขาน้ำตาไหล เพราะรู้สึกว่าปกติหนูไม่ได้เป็นแบบนี้ ไม่อยากให้เขารู้ว่าเราไม่ไหว พยายามทำทุกทางเพื่อที่จะให้ผ่านแต่ละงานไปได้อย่างเต็มที่ซึ่งบนเวทีเราก็ทำเต็มที่”
เคยรู้สึกแตกสลายมั้ย ?
“รู้สึกถึงขนาดว่า ยิ้มอยู่แต่ไม่รู้สึกว่ายิ้ม ขนาดว่าร้องไห้ไม่ออก ถ้ารู้ว่าหนูเป็นช่วงไหนแล้วจะตกใจ หนูเป็นช่วงที่ไปออสการ์ ช่วงเพลง รักไปทำไม ร้องเพลงนี้แล้วรู้สึกผิดกับตัวเองทุกครั้งว่า ฉันยังรักตัวเองไม่ได้เลย รู้สึกแย่มากที่ต้องร้องเพลงนี้ให้กับคนที่เขาอยากได้รับความหวังจากเรา ได้รับพลังจากเรา แต่เราไม่มีพลังออกมาให้เขาแบบจริง ๆ รู้สึกว่าตัวเองแย่มาก ฉันไม่มีอะไรดีเลย ฉันทำอะไรก็ผิด ผิดไปหมด ผิดจนไม่อยากออกจากบ้าน ไม่อยากเจอใคร"
"แก้มไปหาหมอตรวจร่างกายทุกอย่างว่าแก้มเป็นอะไร ทำไมแก้มร้อน หายใจไม่ได้ลึกเหมือนเมื่อก่อน ทำไมนอนไม่ได้มันเกิดอะไรขึ้น ส่องกล้องไปตรวจท้อง ทำทุกอย่างเพื่อที่ให้ตัวเองดีขึ้น แม่คือคนที่สำคัญมาก ๆ ในการที่จะผ่านเรื่องนี้ แม่และคนรอบข้าง คือเขารู้สึกว่าแก้มไม่ปกติแล้ว แก้มป่วย มันเป็น Anxiety (โรควิตกกังวลทั่วไป) ต่อให้เขาพูดดีต่อเรา ชื่นชมเรา แต่เรารู้สึกว่าเขาโกหก มันมองพลิกด้านแบบนี้เลย ตอนนี้หัวเราะได้ แต่ตอนจะผ่านมาเนี่ย สงสารแม่มาก สงสารคนรอบข้างมาก แม่ต้องขึ้นลงภูเก็ต เพราะหนูไม่เอาใครเลย บางงานหนูจะไม่ลงจากรถไปร้องเพลงด้วยซ้ำ”
"วันที่แก้มได้ไปออสการ์รู้สึกภูมิใจ การได้ไปออสการ์มันช่วยฮีลได้ในระดับนึง แต่ก็รู้สึกผิดที่ข้างในไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ที่ควรจะเป็น รู้สึกว่าตัวเราป่วยแล้วเราดีพอแล้วเหรอ กลัวคนผิดหวัง ที่ออสการ์คือดีขึ้นแล้ว แต่โฟกัสได้ทีละอย่าง เพราะไปพบคุณหมอแล้ว ก็โฟกัสการทำตรงนี้อย่างเดียวเลย ฉันจะต้องทำให้คนไทยภูมิใจ ฉันเป็นตัวแทน เอลซ่าประเทศไทย”
ที่มา : วันบันเทิงTalk