ดัง พันกร เคลื่อนไหวแล้ว ขอส่งกำลังใจ ริว อาทิตย์ หลังทราบข่าวชีวิตพลิกผัน
จากข่าวชีวิตพลิกผันของดาราดังยุค 90 "ริว อาทิตย์" ทำให้ล่าสุดในขณะนี้ พี่น้องในวงการบันเทิงและชาวเน็ตแห่ส่งกำลังใจจำนวนมาก ล่าสุด "ดัง พันกร" ได้เคลื่อนไหวถึงประเด็นร้อนๆ นี้เช่นกัน
เป็นหนึ่งข่าวที่สุดฮือฮา เรียกว่าเกรียวกราวสนั่นโลกออนไลน์ทีเดียว จากกรณีที่ รายการวันบันเทิง ได้เผยเรื่องราวชีวิตของ "ริว อาทิตย์" ซุปเปอร์สตาร์ยุค 90 ที่ชีวิตพลิกผัน กลายเป็นพ่อค้าตลาดนัด ขายของมือสองประทังชีวิต ไร้บ้านต้องกินนอนอาบน้ำตามปั๊มน้ำมัน
ซึ่งหลังจากที่เรื่องราวดังเผยแพร่ออกไป ก็มีคนวงการบันเทิงที่เคยร่วมงานกันแสดงความคิดเห็นกันมากมาย
ล่าสุด "ดัง พันกร" นักร้องชื่อดัง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งคนที่เคยได้ร่วมงานกับ ริว อาทิตย์ ก็ได้ออกมาเคลื่อนไหวเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว โดยดัง ส่งโพสต์ข้อความระบุไว้ว่า
"ส่งกำลังใจครับ #ดังพันกร #โตมากับอาร์เอส #RShomecoming #DUNK #สหัสสกรพรพันศิวิไลไทประเสริฐ"
ย้อนอ่านประเด็นร้อนอีกครั้ง โดย ริว อาทิตย์ เปิดใจในรายการดังฟากฝั่งอโศกไว้ว่า
เคยโดนหาว่าบ้า จิตหลุด ไม่ปกติ 15 ปี ซึ่งนับว่าเป็นมรสุมชีวิตที่ถาโถม ทั้งการทำงาน ชีวิตส่วนตัว และความสุขที่หายไป ต้องขายของเลี้ยงตัวเองเพื่ออยากมีชีวิตใหม่ มีอนาคตใหม่ อีกทั้ง ริว อาทิตย์ ยังป่วยเป็นไบโพลาร์ ต้องรักษาตัวมานาน 10 ปี เข้าออก 5 โรงพยาบาล และใช้ธรรมะเยียวยาจนอาการก็ดีขึ้น
หลังจบการสัมภาษณ์ทางพี่ “บอย วันบันเทิง” นั้นก็ได้เผยภาพนั่งปาดน้ำตา เเละยังได้โพสต์อินสตราเเกรมเผยความรู้สึกว่า
“คุยไป ปาดน้ำตาไป มันหลากหลายความรู้สึกมาก ทั้งสงสาร เห็นใจ หดหู่ ผิดหวัง โลกนี้โหดร้ายกว่าที่คิด เป็นคนไม่ง่ายกว่าจะสุข คุยไปก็คิดไป "ชีวิตริวสอนชีวิตเรา" #อาทิตย์ริว #เรื่องนี้ต้องถึงบอย @boyentertain #บอยวันบันเทิง”
ล่าสุด นักร้องดังอย่าง “จ๊ะ นงผณี” นั้นเผยว่า เธอเองก็ถึงกับร้องไห้ หลังเห็นภาพล่าสุด “ริว อาทิตย์” อดีตซุปตาร์ยุค 90 เป็นคนไร้บ้าน! โดยเธอนั้นได้เข้ามาคอมเมนต์ว่าา “ดูเมื่อวาน ร้องไห้เลย ” จากนั้น “บอย วันบันเทิง” ก็ได้เข้ามาตอบกลับว่า “@jaja_nongpanee ช่วยเค้าลูก ส่งกำลังใจไปให้เค้า”
ชื่อของ ‘ริว อาทิตย์’ ถูกพูดถึงอีกครั้งในรอบ 30 ปี หลังจากมีกระแสข่าวว่า อดีตพระเอกดังขวัญใจวัยรุ่นยุค 90 ชีวิตตกอับ และพังทลายจนไม่เหลือชิ้นดี เพราะ ‘ความบ้า’ ซึ่งภายหลังเขาเปิดเผยว่าป่วยเป็นโรคอารมณ์สองขั้ว (ไบโพล่าร์) ที่ติดตัวมาตั้งแต่ 15 ปีก่อน
ในขณะที่ริวถูกจองจำอยู่ในโลกที่ไม่มีคนเข้าใจพฤติกรรมของเขา จนพาลถูกกล่าวหาว่าเป็นบ้า แต่หากมองในแง่มุมทางการแพทย์ เขาไม่ได้บ้า หากแต่เป็นผู้ป่วยที่ต้องได้รับการรักษาเยียวยาจิตใจ เพราะสารเคมีในสมองหลั่งออกมาผิดปกติ
แต่ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ริว อาทิตย์ ไม่ได้มาพร้อมกับข่าวการป่วยของเขา หากแต่เป็นการออกมาเผยว่าชีวิตตัวเองตกต่ำขั้นสุด ไร้บ้าน ขาดมิตร ไม่มีเงินติดตัว แถมครอบครัวยังไม่เหลียวแล จนต้องผันตัวมาใช้ชีวิตกินนอนอยู่ข้างถนน
และนี่คือเรื่องราวของ ริว อาทิตย์ ที่ชีวิตเหมือนตกอยู่ในมรสุมตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นข่าวคราวการเลิกรากับคนรัก ผู้เป็นทั้งภรรยาและแม่ของลูก แต่งงานใหม่อีก 2 ครั้ง ไปจนถึงการเข้า-ออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น เพราะต้องรักษาอาการไบโพลาร์ตลอด 10 ปี
ชีวิตที่ถูกหาว่าบ้า
“จริง ๆ ผมก็บ้านะ ผมบ้าดีเดือดด้วยดิ...”
ริว อาทิตย์ ให้สัมภาษณ์ในรายการคนดังนั่งเคลียร์ ช่อง 2 ออกอากาศเมื่อวันที่ 27 ก.ค. 2015 ด้วยท่าทีขี้เล่น สมกับเป็นอดีตพระเอกที่ใครเห็นเป็นต้องตกหลุมรัก ก่อนจะขอโทษทุกคนที่ทำให้เป็นห่วง เพราะพฤติกรรมของตัวเอง ซึ่งเขาไม่เคยกล่าวโทษหรือโกรธเคืองคนที่ส่งเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลบ้า แต่กลับขอบคุณทุกคนที่หวังดี ช่วยประคับประคองชีวิตที่ล้มเหลว ไม่ให้พังไปมากกว่านี้
ริว อาทิตย์ มีชื่อในวงการว่า อาทิตย์ ตั้งสวัสดิ์รัตน์ มีชื่อจริงว่า รัฐตะ อัศวรัฐ เกิดเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2521 สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต เขาถูกทาบทามให้เข้าวงการบันเทิงตั้งแต่อายุ 14 จากเด็กชายที่ใช้ชีวิตอย่างธรรมดา ๆ ก็ถูกผลักให้เข้าสู่โลกมายา โลกที่ทุกคนพร้อมจะสรรเสริญและยกย่องนักแสดงหนุ่ม ผู้มีหน้าตาน่ารัก แถมยังมีรอยยิ้มพิมพ์ใจ
ส่วนผลงานสร้างชื่อให้ ริว อาทิตย์ คือ รักทะเล้น, วัยร้ายไฮสคูล, วัยร้ายเฟรชชี่, บ้านสีขาวกับดาวดวงเดิม, กาเหว่าที่บางเพลง, ลูกทุ่งหารสอง, เทพธิดาโรงงาน และรักเราไม่ไฮโซ
แต่ชีวิตของพระเอกหนุ่มก็ถึงคราวสะดุด หลังจากประกาศลาออกจากวงการบันเทิง
ความรักที่ล้มเหลว
“ผมมีเมียที่เป็นเรื่องเป็นราว ผ่านมา 2 คน คนแรกผมก็รักเขานะ แล้วเขาก็ดีด้วย มีลูกชาย 2 คน (ตอนอายุ 24 - ผู้เขียน) จริง ๆ ที่ผมรักผู้หญิงคนนี้ เพราะว่าอาม่า ก็คือแม่ของเขา เขาน่ารักมาก เป็นคนจีนผิวขาว ซึ่งเคยเป็นข่าวที่เขาด่าผมที่วัด แต่เขาด่าผมแค่นั้น เขาก็จบ เขาไม่มีอะไรที่ต่อเนื่อง เขาไม่มีอะไรที่แบบ ที่เขาด่าเพราะว่าเขารักลูก” (จากบทสัมภาษณ์ของ ริว อาทิตย์ ในรายการคนดังนั่งเคลียร์ ช่อง 2 ออกอากาศเมื่อวันที่ 27 ก.ค. 2015)
ส่วนเหตุผลที่เลิกกับภรรยาคนแรก เป็นเพราะความรักที่ภรรยามีให้เขาจนล้น การจะขยับตัวไปไหนทำอะไร จึงสร้างความอึดอัดใจอยู่ไม่น้อย “ภรรยาผมเขาขี้หึง... ผมเป็นคนของสื่อไง แต่ผมจะย้ำอยู่นะไม่ว่าปัญหาอะไรจะเกิดขึ้น อย่างเช่น ปัญหาใหญ่ ๆ ที่เราเลิกกันก็แล้วแต่ ผมมักจะพูดกับลูกว่า ภีม-เภาลูกรัก (มองกล้อง) ลูกฟังคำปะป๊าไว้ให้ดี ๆ นะลูก ไม่ว่าจะเกิดปัญหาอะไรเกิดขึ้น ป๊ารักหนูเสมอ”
ริวพูดพลางน้ำตาคลอ พร้อมกับคว้าแว่นกันแดดสีดำมาสวมบังหยาดน้ำตาที่กำลังจะร่วงหล่น ซึ่งหากมองในแง่มุมความรักที่มีต่อภรรยา เขาอาจล้มเหลว แต่อีกมุมหนึ่ง ความรักของเขาที่มีต่อลูกก็ไม่ด้อยค่าไปกว่าใครอื่น
หลังจากจบความสัมพันธ์กับภรรยาคนแรก อีก 5 ปีต่อมา เขาจึงเริ่มต้นสร้างครอบครัวใหม่อีกครั้ง โดยครั้งนี้เขามีลูกสาว 1 คน กับภรรยาที่มีอายุห่างกัน 11 ปี แต่สุดท้ายความรักก็ปิดฉากลงอีกครั้ง เพราะทัศนคติไม่ตรงกัน แต่ริวยังไม่หมดศรัทธาในความรัก เขาเริ่มชีวิตรักครั้งที่สามกับผู้หญิงที่รู้จักผ่านทางเฟซบุ๊ก หลังจากศึกษาดูใจกันได้ระยะหนึ่ง ริวจึงตัดสินใจ ขอแต่งงานเธอในที่สุด
(อดีต)พระเอกที่กลับมาพร้อมข่าวเศร้า
ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา สำนักข่าวหลายแห่งรายงานตรงกันว่า พบอดีตนักแสดงดังในวัย 45 ปี เปิดแผงขายของอยู่ที่ตลาดมือสองอยู่ในตลาดนัดแห่งหนึ่ง แถมยังมีเรื่องราวต่อท้ายว่า นักแสดงท่านนี้ชีวิตตกต่ำถึงขั้นไม่มีบ้านอยู่ แถมบางครั้งต้องอาศัยอาบน้ำตามปั๊มน้ำมัน และใช้ชีวิตกินนอนอยู่ข้างถนน
แม้ ริว ได้ให้สัมภาษณ์กับทาง วันบันเทิง ไว้ว่า ชีวิตในปัจจุบันของเขามีความสุขดี ถึงจะเจ็บปวดกับข้อกล่าวหาจากทางสังคม ที่ตีตราว่าเขาเป็นพวกจิตหลุด ไม่ปกติมานานถึง 15 ปี เจอมรสุมชีวิตที่ถาโถมทั้งการทำงาน และชีวิตส่วนตัว แถมยังต้องหาเงินมารักษาอาการป่วยเป็นโรคไบโพล่าร์
แต่สิ่งที่ช่วยเยียวยาทั้งร่างกายและจิตใจของอดีตพระเอกให้กลับมาเป็นปกติ คือ ธรรมะ โดยได้เปิดใจในรายการ วันบันเทิง ออกอากาศเมื่อวันที่ 7 ก.พ. 2023 ไว้ว่า
“การใช้ชีวิตให้มีความสุขสำหรับเราก็คือ การสวดมนต์ ไหว้พระ ทำบุญให้สบายใจ เราชอบไปวัด อย่างน้อยก็มีหลักธรรมเป็นเกราะป้องกันสิ่งที่ไม่ดีที่มากระทบจิตใจ พยายามรักษาสภาพจิตใจของเราให้ดี ไม่คิดไปถึงเรื่องเก่า ๆ และการที่ปฏิเสธสื่อเพื่อให้สัมภาษณ์ในทุก ๆ ครั้งก็เพราะว่าเรากลัว เราเคยโดนคนที่เรารัก สังคมที่เรารัก วงการที่เรารัก งานที่เรารัก เราโดนสื่อมวลชนกระหน่ำ ชีวิตเรามาพังเพราะข่าวแบบนี้"
ขอขอบคุณ: THE PEOPLE