นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่าในช่วงวันหยุดปีใหม่ ระยะเวลา 4 วัน ระหว่างวันที่ 30 ธ.ค.2565 – 2ม.ค. 2566 คาดว่า จะมีนักท่องเที่ยวไทย จำนวน 3.14 ล้านคนครั้ง คิดเป็นรายได้ประมาณ 11,200 ล้านบาท โดยขณะนี้มีอัตราการจองที่พักทั่วประเทศ 75% โดยพื้นที่ภาคเหนือ ได้รับความนิยมมากที่สุด มีอัตราเข้าพัก 78% รองลงมา คือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 75% และ ภาคตะวันออก 72%
โดยในวันสิ้นปี (31 ธ.ค. 2565 ) ทาง ททท. ยังได้เตรียมจัดงาน Amazing Thailand Countdown 2023 ด้วยงบประมาณ 40-50 ล้านบาท ซึ่งททท.จะเป็นเจ้าภาพในการจัดงานใน 2 พื้นที่ คือ กรุงเทพฯ และ หาดใหญ่ ที่เป็นแลนด์มาร์กด้านการท่องเที่ยวสำคัญ
ร่วมทั้งสนับสนุนการจัดงานในพื้นที่อื่นๆหลายพื้นที่ทั่วไทย อาทิ ชุมพร,ภูเก็ต,สมุย,เชียงใหม่,เชียงราย,บุรีรัมย์,สุราษฏร์ธานี และ กระบี่ ซึ่งได้เตรียมมาตรการดูแล ทั้งมาตรการด้านความปลอดภัย และ มาตรการสาธาณะสุขตามแผนป้องกันโควิด-19 อย่างเข้มงวด และยังยืนการจัดงานตามปกติ จนกว่าจะมีคำสั่งให้เปลี่ยนแปลง
สำหรับบางพื้นที่ ที่ยกเลิกการจัดงานเคาดาวน์ไปบ้างนั้น เชื่อว่าไม่มีผลกระทบ กับการเดินทางท่องเที่ยว ที่ได้ทำการจองไว้แล้ว เพราะยังมีจุดท่องเที่ยวอื่นๆ รองรับเช่นเดิม
นายยุทธศักดิ์ กล่าวต่อว่า สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ จะเดินทางเข้ามาเที่ยวไทย ช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ รวมถึงพักผ่อนคริสต์มาส คาดว่ามีจำนวน 7-8 แสนคน คิดเป็นรายได้ 26,000 ล้านบาท ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เดินทางเข้ามาแล้วตั้งแต่ช่วงต้นเดือนธนวาคมเพื่อพักผ่อนในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและต่อเนื่องไปจนถึงปีใหม่ 2566 ทำให้ภาครวมปีนี้ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวต่างชาติจะถึง 17.5 ล้านคน คิดเป็นรายได้รวม 1.5 ล้านล้านบาท ตามเป้าหมาย
โดยกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เข้าไทยมากที่สุด 10 อันดับ ได้แก่ 1.มาเลเซีย , 2.อินเดีย , 3.ลาว ,4.กัมพูชา ,5.สิงคโปร์ ,6. เกาหลีใต้ ,7.เวียดนาม ,8.สหรัฐอเมริกา ,9.อังกฤษ และ 10. รัสเซีย
ขณะที่ ปี2566 คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทย 20 ล้านคน คิดเป็นรายได้ 2.38 ล้านล้านบาท โดยได้มอบหมายให้หน่วยงานการท่องเที่ยวทุกภูมิภาค กระตุ้นนักท่องเที่ยวให้กลับมาได้ตามเป้าที่ 80% ของปีฐาน(ปี 2562)
รวมทั้งส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบเน้นประสบการณ์ ในกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพ ที่มีรายจ่ายสูง โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลาง อาทิ ซาอุดีอาระเบีย ที่เริ่มกลับเข้ามาท่องเที่ยวไทยอีกครั้ง จากการฟื้นความสัมพันธ์ของทั้งสองรัฐบาล ซึ่งถือเป็นกลุ่มตลาดนักท่องเที่ยวดาวรุ่งของไทยในปีหน้า