นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า จากการวิเคราะห์ข้อมูลของ สสว. เกี่ยวกับสถานการณ์การดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการ SME ในรอบปี 2565 พบว่า ธุรกิจ SME เริ่มฟื้นตัวจากสถานการณ์ Covid 19
โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวและสันทนาการ ทั้งเกสต์เฮ้าส์ บังกะโล ร้านขายของที่ระลึก ผับ บาร์ ร้านขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ศูนย์อาหาร บริการจัดเลี้ยง ธุรกิจและ Event ด้านกีฬา ธุรกิจขายของมือสองและธุรกิจให้เช่า ธุรกิจโหราศาสตร์และความเชื่อ สำหรับธุรกิจที่คาดว่าจะยังคงขยายตัวได้ดีในปี 2566 ได้แก่
ธุรกิจขายของ Online เนื่องจาก ผู้บริโภค เปลี่ยนพฤติกรรมการเลือกซื้อสินค้า เฉพาะที่จำเป็น หรือซื้อใน ปริมาณน้อยลง และคุ้นเคยกับการใช้งานแพลทฟอร์มต่าง ๆ ตั้งแต่ในช่วงโควิด-19รวมทั้ง ความสะดวกในการชำระเงิน ช่องทางการส่งสินค้า ที่หลากหลาย และ ครอบคลุมทั่วประเทศ ซึ่งคาดว่าจะสร้างรายได้ให้ SME ในกลุ่มนี้ถึง 20,461 ล้านบาท
ธุรกิจกีฬา ธุรกิจจัดงานแข่งขันหรืออีเว้นท์กีฬา เช่น งานวิ่ง งานแข่งจักรยาน มวย ที่เติบโตอย่างมากภายหลังประชาชนกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ คาดว่าจะสร้างรายได้ให้ SME กลุ่มนี้ 1,504 ล้านบาท
ธุรกิจร้านโชห่วย โดยเฉพาะการจำหน่ายอาหารสด และ ยาสูบที่กำลังซื้อในธุรกิจนี้ กลับมาเติบโตในช่วงเศรษฐกิจ ชะลอตัว จากการที่ผู้บริโภค หันมาซื้อสินค้า ที่สามารถต่อรองราคา ขอเชื่อหรือเลือกซื้อในปริมาณน้อยได้ คาดว่าธุรกิจนี้ทำรายได้ให้กับ SME ถึง 1.25 ล้านล้านบาท
ส่วนธุรกิจที่ต้องเฝ้าระวังในปี 2566 ได้แก่
ธุรกิจที่พักคนงาน เนื่องจากแรงงานต่างชาติยังไม่กลับมา ธุรกิจหอพักนักศึกษา จากการปรับรูปแบบเป็นเรียนออนไลน์มากขึ้น
ธุรกิจขายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ จากการระมัดระวังการใช้จ่ายซึ่งสอดคล้องกับการเติบโตของธุรกิจจำหน่ายและซ่อมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มือสอง
ธุรกิจฟิตเนสแบบ Indoor ที่ได้รับผลกระทบจากพฤติกรรมผู้บริโภคหลัง Covid -19 ที่เน้นการออกกำลังกายในบ้านหรือกลางแจ้งมากขึ้น
ทั้งนี้ สสว. ยังได้ออกมาตรการ และ โครงการส่งเสริม SME เพื่อเป็นการส่งเสริมสนับสนุนผู้ประกอบการ SME ให้มีศักยภาพ และ ขีดความสามารถในการแข่งขัน ได้แก่ มาตรการสนับสนุนให้ SME เข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ (THAI SME-GP) และ มาตรการช่วยเหลืออุดหนุน SME ผ่านระบบ BDS (Business Development Service) หรือ “SME ปัง ตังได้คืน” ซึ่งเป็นการอุดหนุนค่าใช้จ่ายแบบร่วมจ่าย (co-payment) ให้กับผู้ประกอบการ SME ในสัดส่วน 50-80%
สำหรับการเข้ารับบริการกับผู้ให้บริการทางธุรกิจ (Service Provider) ในการพัฒนาศักยภาพในด้านต่าง ๆ ซึ่งเริ่มดำเนินการตั้งแต่กลางปี 2565 ที่ผ่านมา สามารถอุดหนุน SME รวมกว่า 20 ล้านบาท และยังมีงบประมาณที่พร้อมสนับสนุน SME อีกกว่า 400 ล้าน