
KEY
POINTS
จากกระแสในโลกออนไลน์ที่มีการแชร์ภาพและคลิป “ตัวอ่อนลักษณะคล้ายหนอนสีขาวอมชมพู” หลายคนเกิดความกังวลว่าสิ่งที่เห็นคืออะไร อันตรายหรือไม่ และจะเกิดขึ้นกับคนไทยได้หรือเปล่า สถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ จึงออกมาให้ข้อมูลที่ถูกต้อง เพื่อสร้างความเข้าใจและลดความตื่นตระหนกในสังคม
ข้อมูลทางการแพทย์ระบุว่า ตัวอ่อนที่ปรากฏในข่าวมีลักษณะสอดคล้องกับ Botfly หรือแมลงวันในวงศ์ Oestridae โดยเฉพาะสายพันธุ์ Dermatobia hominis ซึ่งพบได้มากในแถบอเมริกากลางและอเมริกาใต้ เช่น เม็กซิโก เปรู บราซิล
สำคัญที่สุดคือ แมลงชนิดนี้ไม่ใช่แมลงที่พบตามธรรมชาติในประเทศไทย และปัจจุบัน ยังไม่มีรายงานการแพร่กระจายในประเทศ
นายแพทย์อัครฐาน จิตนุยานนท์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ อธิบายว่า เคสที่พบในประเทศไทยส่วนใหญ่มักเป็นผู้ที่ เคยเดินทางไปยังประเทศที่มีความเสี่ยง แล้วกลับมาแสดงอาการภายหลัง ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อภายในประเทศ
ดังนั้น ประชาชนทั่วไปที่ไม่ได้เดินทางไปพื้นที่เสี่ยง ไม่จำเป็นต้องวิตกกังวลเกินเหตุ
นายแพทย์วีรวัต อุครานันท์ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า Botfly ไม่ได้บินมาตอมมนุษย์โดยตรง แต่ใช้วิธีที่ซับซ้อนกว่านั้น
ตัวแม่แมลงจะไปวางไข่ไว้บนแมลงชนิดอื่น เช่น ยุงหรือเห็บ เมื่อแมลงเหล่านั้นบินมาดูดเลือดมนุษย์ ไข่ของ Botfly จะถูกกระตุ้นด้วยความร้อนจากผิวหนัง และฟักตัวทันที ตัวอ่อนจะเจาะผ่านผิวหนังเข้าไปฝังตัว โดยที่ผู้ถูกกัด มักไม่รู้สึกตัวในช่วงแรก
ภาวะนี้เรียกว่า Myiasis (ไมแอสซิส) คือ การที่ตัวอ่อนแมลงอาศัยหรือเจริญเติบโตอยู่ในเนื้อเยื่อของมนุษย์หรือสัตว์ กรณี Botfly จะเป็นชนิดที่เรียกว่า Myiasis แบบฝังใต้ผิวหนัง (Furuncular myiasis)
ลักษณะอาการที่พบบ่อย ได้แก่
แพทย์ยืนยันว่า Botfly ไม่ทำให้เสียชีวิต แต่หากปล่อยทิ้งไว้หรือรักษาไม่ถูกวิธี อาจก่อให้เกิด
อย่างไรก็ตาม หากได้รับการรักษาที่ถูกต้อง สามารถหายขาดได้ และมักไม่ทิ้งแผลเป็น
เมื่อสงสัยว่ามีตัวอ่อน Botfly ฝังอยู่ใต้ผิวหนัง ไม่ควรรักษาเอง เพราะเสี่ยงทำให้ตัวอ่อนแตกและอักเสบรุนแรงขึ้น
การรักษาทางการแพทย์มักประกอบด้วย
แพทย์ระบุว่า การรักษามักได้ผลดีและหายขาด
สำหรับผู้ที่จำเป็นต้องเดินทางไปยังประเทศในแถบอเมริกากลาง-อเมริกาใต้ ควรป้องกันตนเองดังนี้
กรณีตัวอ่อน Botfly ที่ถูกแชร์ในโลกออนไลน์ เป็นเรื่องที่ พบได้น้อยมากในประเทศไทย และส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการเดินทางไปต่างประเทศ การมีความรู้ที่ถูกต้องจะช่วยให้ประชาชนไม่ตื่นตระหนก และรู้วิธีดูแลตนเองอย่างเหมาะสม
หากพบความผิดปกติทางผิวหนัง อย่าคาดเดาเองหรือรักษาเอง การพบแพทย์คือทางเลือกที่ปลอดภัยที่สุด เพราะในกรณีนี้ การรักษาที่ถูกต้องตั้งแต่ต้น คือกุญแจสำคัญของการหายขาด