เพิ่ม nation online
ลงในหน้าจอหลักของคุณ
หุ้นไทยช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาแกว่งตัวในกรอบแคบ แม้จะมีปัจจัยหนุนจากตัวเลขจีดีพีไทยไตรมาส 3/65 ที่ออกมาดีกว่าตลาดคาด เนื่องจากเผชิญแรงขายหุ้นกลุ่มพลังงานตามทิศทางราคาน้ำมันโลกที่ปรับตัวลงและหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังมีข่าวยกเลิกการทำ Tenderoffer ของบริษัทสื่อสาร
โดยหุ้นไทยปรับตัวขึ้นช่วงกลางสัปดาห์ ตามแรงซื้อหุ้นกลุ่มพลังงานหลังโอเปกปฏิเสธข่าวลือเกี่ยวกับการเพิ่ม กำลังการผลิต ก่อนจะย่อตัวลงอีกครั้งช่วงปลายสัปดาห์เนื่องจากขาดปัจจัยใหม่เข้ามาสนับสนุน ประกอบกับจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดที่พุ่งขึ้นกระตุ้นความกังวลต่อสถานการณ์โควิด
ในวันศุกร์ (25 พ.ย.) ดัชนีSET ปิดที่ระดับ 1,620.84 จุด เพิ่มขึ้น 0.21% จากระดับปลายสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 51,425.24 ล้านบาท ลดลง 15.33% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนีmai ลดลง 3.04% มาปิดที่ระดับ 582.43จุด ส่วนทิศทางสัปดาห์นี้จะเป็นอย่างไร กูรูตลาดทุนให้สัมภาษณ์กับ NATION Online โดยมีปัจจัยแวดล้อมอะไรบ้างนั้น ตามไปดูกันเลย
เริ่มจาก "นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา" ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) มองว่า ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้า แกว่งไซด์เวย์ในกรอบ 1,610-1,635 จุด คาดว่าจะปรับตัวขึ้นต้นสัปดาห์ และปรับตัวลงในปลายสัปดาห์
โดยปัจจัยที่ติดตามคือวันที่ 28 พ.ย. กระทรวงพาณิชย์ประกาศตัวเลขส่งออกเดือนต.ค.คาดว่าจะโต 6% YOY ชะลอตัวลงจากเดือนก.ย.อยู่ที่ 7.8%
ส่วนวันที่ 29 พ.ย.ครม.ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และ 30 พ.ย. ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินหรือกนง. Bloomberg consensus คาดว่าปรับขึ้นดอกเบี้ยอยู่ที่ 0.25% เพื่อสกัดเงินเฟ้อและเงินทุนไหลออก รวมถึงดูแลเศรษฐกิจให้มีเสถียรภาพ หลังธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยไปก่อนหน้านี้ 0.75%
ขณะเดียวกัน MSCI ลดน้ำหนักการลงทุนหุ้นไทย ประมาณ 35 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มีผลในวันที่ 30 พ.ย. นี้ ส่วนการประชุม
เฟดเดือนธ.ค.ครั้งสุดท้าย คาดว่าจะขึ้นดอกเบี้ยประมาณ 0.5% ส่วนจีนล็อกดาวน์สกัดโควิด ทำให้ดัชนีไปไหนไม่ไกล
นอกจากนี้ไม่มีปัจจัยใหม่หนุน คาดว่าปลายปีจะมีเงินไหลเข้ามาลงทุนในกองทุนลดหย่อนภาษีเพิ่มโดยเฉพาะในกองทุนรวมหุ้นระยะยาวหรือแอลทีเอฟ
ส่วนเม็ดเงินลงทุนต่างชาติไหลเข้ามาในตลาดหุ้นไทยตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันประมาณ 1.8 แสนล้านบาท ด้านกลยุทธ์การลงทุนเน้นหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะ นำโดย MINT ([email protected] 38) ได้ประโยชน์จากท่องเที่ยว
หุ้นเด่นถัดมาคือ BBL ([email protected] 174) ธีมทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้น TLI ([email protected]) เข้าคำนวณใน MSCI หุ้นเด่นอีกตัวคือ CRC ([email protected] 48) และ LH ([email protected] 11)
ขณะที่ "นายจารุชาติ บูชาชาติ" นักกลยุทธ์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวถึงภาพรวมตลาดตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้ากับ NATION Online ว่า ไฮไลท์อยู่ที่กลางสัปดาห์ คือการประชุมกนง.คาดว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ทำให้ดอกเบี้ยนโย บายแตะที่ระดับ 1.25% ในสิ้นปีนี้
แต่ต้องติดตามว่า ผู้ว่าธปท. คาดการณ์เศรษฐกิจปีหน้ามีแนวโน้มเติบโตอย่างไรบ้างและปัจจัยแวดล้อมต่างประเทศ รวมถึงประกาศตัวเลขส่งออกต.ค.คาดว่าจะโต 6% YOY
รวมถึงการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อยูโรโซน ถ้าสูงกว่าคาด +10% YOY จะเป็นปัจจัยลบต่อตลาด และหนุนค่าเงินดอลลาร์ สหรัฐแข็งค่า ตลอดจนการรายงาน Core PCE สหรัฐ ฯ หรือดัชนีราคาการใช้จ่ายด้านการบริโภคพื้นฐานส่วนบุคคล
คาดว่าอยู่ที่ 5.2% YOY และการรายงานตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯ ตลาดมองว่าอยู่ที่ 3.8% ถ้าสูงกว่าคาดตลาดหุ้นจะตอบรับเชิงบวก
ทั้งนี้มองว่าดัชนีแกว่งไซด์เวย์ในกรอบ 1,610-1,640 จุด ด้านกลยุทธ์การลงทุนเน้นหุ้น Domestic Play ได้ประโยชน์จากภา วะเศรษฐกิจฟื้นตัว มาตรการกระตุ้นภาครัฐ ฟุตบอลโลก
รวมถึงหุ้น Defensive โดยเฉพาะโรงไฟฟ้ารับผลบวกจากการประมูลพลังงานหมุนเวียน 5,200 เมกะวัตต์ โดยจะประกาศ รายชื่อผู้เสนอขายไฟที่ผ่านคุณสมบัติ 2 ธ.ค ส่วนหุ้นที่ชื่นชอบแนะนำ GULF ([email protected]) IMH ([email protected]) และ SIRI ([email protected]) เป้า Consensus