นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยว่า ในปี 66 คาดว่าส่งออกไทยขยายตัว 2-3% แม้ต้องเผชิญปัจจัยเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศ, ปัญหาเศรษฐกิจ ทั้งเรื่องเงินเฟ้อ ค่าเงิน นโยบายการเงิน, ปัญหาทางสังคม เช่น การระบาดของโควิด-19, ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม และปัญหากฎระเบียบ-มาตรการกีดกันทางการค้า
โดยมีมูลค่าส่งออกประมาณ 3.03 - 3.04 แสนล้านดอลลาร์ โดยสินค้ากลุ่มอุตสาหกรรมอาหารจะเป็นพระเอกหลัก และเชื่อว่าการส่งออกจะยังเป็นกลไกสำคัญหนึ่งที่ช่วยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยปีหน้า
นอกจากนี้ ผู้ส่งออกจึงควรต้องเร่งหาตลาดใหม่ เช่น อินเดีย ศรีลังกา บังคลาเทศ ตะวันออกกลาง รวมทั้งขยายตลาดในอาเซียน ตลาดประเทศเพื่อนบ้าน (CLMV) ส่วนจีนหากปลดล็อกการเดินทางท่องเที่ยว จะทำให้ความต้องการการบริโภคเพิ่มขึ้น ส่งผลดีต่อการส่งออกของไทย
ส่วนปีนี้คาดว่าจะขยายตัวได้ 7-8% มูลค่าประมาณ 2.90 - 2.93 แสนล้านดอลลาร์ โดยสินค้าส่งออกที่มีศักยภาพการเติบโตในระดับ 6-10% ได้แก่ น้ำตาลทราย เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ สิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม น้ำมันสำเร็จรูป, ยางล้อรถยนต์, อัญมณีและเครื่องประดับ, ข้าว และมันสำปะหลัง เป็นต้น ขณะที่ประเมินว่าการส่งออกช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ อาจจะแตะเบรคจากไตรมาส 3 โดยคาดว่าจะหดตัว -3.4%
"เมื่อธ.ค. ปีก่อน เราส่งออกรถยนต์ได้มาก เพราะชิปมาทันเวลา แต่ปีนี้แม้ว่าชิปจะมาทันเวลา แต่สินค้าหลายตัว เริ่มชะลอตัว เช่น ปิโตรเคมี พลาสติก สิ่งทอ เริ่มแตะเบรค จึงทำให้การส่งออกไตรมาส 4 ปีนี้อาจติดลบ แต่ทั้งปีเชื่อว่ายังโตได้ตามคาดการณ์ที่ 7-8%"
นายเบญจรงค์ สุวรรณคีรี รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) กล่าวว่า จากประมาณการของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ว่าเศรษฐกิจโลกปี 66 จะเติบโตได้เพียง 2.7% ซึ่งถือเป็นการเติบโตที่อ่อนแอสุดในรอบ 21 ปีนั้น
การที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัว ก็ไม่ได้หมายความว่าไทยจะส่งออกไม่ได้ แต่เป็นปัจจัยที่พึงระวัง ขณะที่ยังมีภูมิภาคที่มีแนวโน้มเศรษฐกิจขยายตัวได้โดดเด่น เช่น ตลาดเกิดใหม่ ตลาดเอเชีย แอฟริกา ตะวันออกกลาง
สำหรับเศรษฐกิจไทยปี 66 มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องจากการท่องเที่ยวและอุปสงค์ในประเทศ โดยในด้านการท่องเที่ยว คาดว่านักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยมากกว่า 20 ล้านคน
ขณะที่การบริโภค และกำลังซื้อของประชาชนในประเทศจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลดีต่อการจ้างงานภาคบริการ รายได้ภาคเกษตร และค่าแรงขึ้นต่ำให้ปรับเพิ่มขึ้น ส่วนเงินเฟ้อจะไม่สร้างแรงกดดันต่อเศรษฐกิจมากเท่าปีนี้ เพราะอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มชะลอตัวลง ในขณะที่การส่งออกอาจจะชะลอตัวลง โดยมีการเติบโตเป็นเลขหลักเดียว (Single Digit)
อย่างไรก็ตาม ส่งออกปีหน้าขยายตัว 2% ซึ่งชะลอตัวลงจากในปี 65 ที่คาดว่าจะขยายตัวได้ 8% ซึ่งการส่งออกไทยในปี 66 ที่อ่อนแรงลง เป็นผลจากเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มหดตัว โดยเฉพาะตลาดหลัก เช่น สหรัฐ ยุโรป และจีน
ขณะที่ตลาดเกิดใหม่ยังมีความเปราะบางจากปัญหาหนี้สูง เช่น บางประเทศในลาตินอเมริกา และแอฟริกา นอกจากนี้ผู้บริโภคและนักลงทุน ยังกังวลาภาวะเศรษฐกิจถดถอย และปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศ รวมทั้งเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นในระยะสั้น