ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (18พ.ย.) นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) แถลงข่าวร่วมกับ นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย (ASCO) ถึงกรณีการระงับการประกอบธุรกิจ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเชีย เวลท์ ว่า
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แจ้งว่าได้สั่งให้ บล. เอเชีย เวลท์ หรือ AWS หยุดการประกอบธุรกิจเป็นการชั่วคราว เนื่องจากพบว่าบริษัทนำเงินของลูกค้าไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ โดยลูกค้าไม่ได้มีคำสั่งหรือยินยอม
ซึ่งจากคำสั่งของ ก.ล.ต. ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงสั่งระงับคำสั่งซื้อขายหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จาก AWS เป็นการชั่วคราว ในส่วนของตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าก็จะอนุญาตให้เฉพาะคำสั่งซื้อขายที่เป็นการล้างสถานะที่มีอยู่เดิม ทั้งนี้ จนกว่าสำนักงาน ก.ล.ต. จะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
ดังนั้น ในส่วนของหลักทรัพย์ ผู้ลงทุนไม่สามารถส่งคำสั่งซื้อหรือขายหุ้นกับ AWS ได้ แต่ผู้ลงทุนสามารถขอโอนหุ้นที่ฝากกับ AWS ไปฝากยังบัญชีของตนที่เปิดกับโบรกเกอร์อื่นเพื่อซื้อขายต่อได้ กรณีไม่มีบัญชีที่โบรกเกอร์อื่นสามารถโอนเข้าบัญชี Issuer Account (600) ที่ TSD ได้ และเมื่อเปิดบัญชีที่บริษัทหลักทรัพย์เรียบร้อยแล้วก็สามารถที่จะโอนหุ้นจากบัญชี 600 ไปซื้อขายต่อไป
ในส่วนของอนุพันธ์ลูกค้าสามารถส่งคำสั่งซื้อขายเพื่อปิดสถานะได้เท่านั้น ไม่สามารถเปิดสถานะได้ หากลูกค้าปิดสถานะแล้ว ลูกค้าก็สามารถที่จะขอถอนหลักประกันออกไปได้ตามปกติ กรณีลูกค้าไม่ประสงค์จะปิดสถานะแต่ต้องการโอนไปซื้อขายต่อที่บริษัทหลักทรัพย์ที่ตนมีบัญชีอยู่ก็สามารถแจ้งต่อบริษัทหลักทรัพย์ได้เช่นกัน
"เหตุการณ์นี้ เป็นเหตุเฉพาะรายบริษัทหลักทรัพย์ AWS เท่านั้น ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับบริษัทหลักทรัพย์รายอื่น ทั้งนี้บริษัทหลักทรัพย์อื่น ยังให้บริการตามปกติ อย่างไรก็ตาม กลุ่มตลาดหลักทรัพย์ มีการติดตามฐานะการเงินของบริษัทหลักทรัพย์อย่างต่อเนื่องและใกล้ชิด"
ส่วนกรณี AWS ที่เกิดขึ้น ปัญหาเกิดจากการนำเงินไปชำระค่าหุ้นบริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE หรือไม่นั้น ไม่สามาถตอบได้ โดยกรณีหุ้น MORE อยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบหลักฐานของทางตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ในคดีที่เกี่ยวกับการฉ้อโกง
ซึ่งทางบริษัทหลักทรัพย์ หรือโบรกเกอร์ที่เป็นผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความไว้โดยคดีฉ้อโกงในส่วนของตำรวจและ ปปง. ส่วนคดีที่เกี่ยวกับการปั่นหุ้นจะเป็นในส่วนของ ก.ล.ต. ซึ่งคาดว่าบ่ายนี้ จะสามารถส่งข้อมูลให้ ก.ล.ต.ได้
“หุ้น MORE ที่เกิดขึ้นไม่ใช่เคสใหญ่เมื่อเทียบมาร์เก็ตแคปของบริษัทที่มีประมาณ 1 หมื่นล้านบาท กับมาร์เก็ตแคปของตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่มีถึง 20 ล้านล้านบาท แต่เป็นสิ่งที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น ซึ่งส่วนตัวมองว่าเป็นเรื่องการโกง และ เหตุ การณ์ที่เกิดขึ้นทำให้หลายโบรกฯ เตรียมตัวรับมือไม่ทัน”
อย่างไรก็ตาม อยากให้นักลงทุนและประชาชนมีความมั่นใจในระบบตลาดทุนของไทย โดยจะใช้เหตุการณ์นี้เป็นจุดที่ปรับ ปรุงให้ตลาดเข้มแข็งขึ้น เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงในปัจจุบันและอนาคต ขอให้ติดตามว่า ตลท. และสมาคมจะทำอะไรต่อไป