เพิ่ม nation online
ลงในหน้าจอหลักของคุณ
เรียกว่าเป็นทุกข์ของประชาชนผู้บริโภคอย่างมาก ที่ปัจจุบันสินค้าอุปโภค - บริโภค ต่างกันปรับขึ้นราคา จนกระทบต่อรายจ่ายของประชาชนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะยิ่งในช่วงใกล้สิ้นเดือนเช่นนี้ เชื่อว่าหลายคนคงต้องใช้บริการอาหารเช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเป็นอาหารหลัก แต่ล่าสุดดูเหมือนว่าจะมีข่าวร้ายอีกครั้ง เมื่อวันนี้ (25 พ.ค.) นายสมชาย พรรัตนเจริญ นายกสมาคมค้าส่งค้าปลีกไทย เปิดเผยถึงภาวะราคาจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคว่า ขณะนี้ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ตรายำยำ ได้แจ้งขอปรับขึ้นราคาขายส่งบะหมี่ซองละ 10 สตางค์
โดยใช้รูปแบบการหักส่วนลดทางการค้ากับผู้ค้า มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 2565 ที่ผ่านมา โดยการปรับขึ้นราคาขายส่งครั้งนี้ ทำให้ร้านโชห่วยมีกำไรลดลง เพราะยังไม่สามารถปรับราคาขายปลีกได้ ยังคงต้องขายปลีกซองละ 6 บาท ตามเดิม แต่จำเป็นต้องขายสินค้าต่อไป เพื่อให้ธุรกิจเดินต่อไปได้ในยุคที่การบริโภคชะลอตัวมาก โดย ยำยำ เป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่แจ้งปรับขึ้นราคาขายส่งเป็นรายสุดท้าย
นายสมชาย กล่าวว่า สำหรับ ราคาน้ำมันปาล์มขวดนั้นร้านโชห่วยบ่นเข้ามามากว่า ขณะนี้ไม่สามารถนำน้ำมันปาล์มขวดมาจำหน่ายได้ เพราะมีราคาแพงมาก โดยกรมการค้าภายในกำหนดให้ร้านค้าจำหน่ายไม่เกินขวดละ 68 บาท ขณะที่ผู้ผลิตรายใหญ่ขายส่งมาในราคาขวดละ70 บาท หากซื้อไปขายในราคา 68 บาท ต้องขาดทุน แต่หากซื้อไปแล้วขายในราคาที่ไม่ขาดทุนแพงกว่า 70 บาท ก็จะต้องเสี่ยงผิดกฎมายและโดนจับ พ่อค้าแม่ค้าไม่มีทางออกเลย ดังนั้นกรมการค้าภายในจะต้องเข้ามาแก้ปัญหาที่ต้นเหตุไม่ใช่ปลายเหตุ ไปไล่จับพ่อค้าแม่ค้า
“อยากให้รัฐบาลเข้าไปแก้ปัญหาปาล์มอย่างจริงจัง ดูว่าควรจะถอดปาล์มออกจากไบโอดีเซลไหม หรือควรจะให้ชะลอการส่งออกหรือไม่ อยู่ที่การตัดสินใจของรัฐบาลว่าจะเอาความเป็นอยู่ประชาชนเป็นที่ตั้ง หรือจะเอาใจนายทุนที่ร่ำรวยจากการส่งออก เพราะช่วงนี้ปาล์มมีกำไรดี”