
23 ธันวาคม 2568 พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยถึงการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ GBC ในวันพรุ่งนี้ (24 ธ.ค.) ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์เมื่อวานนี้ (22 ธ.ค.) ว่า จะมีการประชุมที่จังหวัดจันทบุรี โดยเป็นจังหวัดที่มีการรบเบาบางที่สุด ในบรรดาพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชา 7 จังหวัด จึงขอรับรองความปลอดภัยในพื้นที่กับฝ่ายกัมพูชา ให้ฝ่ายกัมพูชามีความมั่นใจ และในวันพรุ่งนี้ (24 ธ.ค.) จะเป็นการประชุมของฝ่ายเลขานุการก่อน ซึ่งหากไม่ได้ตามที่ตนตั้งใจ ก็จะไม่มีการลงนามใด ๆ
พลเอกณัฐพล ยังยืนยันว่า ฝ่ายไทยจะยังคงพยายามยึดข้อตกลง JD แต่อาจจะมีการเพิ่มรายละเอียดให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น พร้อมขอให้ฝ่ายกัมพูชามีความมั่นใจ ในความปลอดภัยของพื้นที่ และประชาชนคนไทย สามารถแยกแยะได้ระหว่างพื้นที่การสู้รบ และการเจรจา
ส่วนฝ่ายกัมพูชา ยังไม่ได้ตัดสินใจเข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ใช่หรือไม่นั้น พลเอกณัฐพล ระบุว่า ตนเองยังไม่ทราบ เพียงแต่ทราบว่า มีท่าทีที่มีความกังวล แต่ขอให้ฝ่ายกัมพูชา มีความมั่นใจในความปลอดภัย
พลเอกณัฐพล ยังขอให้ประชาชน เชื่อมั่นในผลการประชุม GBC ที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยจะยังคงปกป้องอธิปไตย และผลประโยชน์ของประเทศ ยึดกฎหมายระหว่างประเทศ เนื่องจากประเทศไทย จะต้องอยู่กับกฎหมายระหว่างประเทศ เพราะไม่มีประเทศใดเข้าข้างประเทศไทยจริง เนื่องจากตนเห็นแต่ประเทศอื่น ยึดหลักเป็นกลาง แต่ยืนฝั่งกัมพูชา และพยายามพูดให้เป็นกลาง เนื่องจาก ไปฟังแต่ข้อมูลกัมพูชา และมองว่า ประเทศไทยเป็นประเทศใหญ่ที่ไปรุกราน
แต่ตนยืนยันว่า ประเทศไทยยึดหลักการปกป้องและป้องกันตัวเอง ตามกฎบัตรสหประชาชาติใน ข้อที่ 51 ในการตอบโต้ตามความจำเป็นและได้สัดส่วน ดังนั้น ประเทศไทยจะต้องอยู่กับกฎหมายระหว่างประเทศ และมั่นใจว่า ประเทศไทยมาถูกทางในการอยู่กับกฎหมายระหว่างประเทศ
ส่วนเหตุใดต่างประเทศถึงเชื่อฝ่ายกัมพูชานั้น พลเอกณัฐพล ระบุว่า ตามข้อมูลที่มีนั้นตนได้รับรายงานว่า มีนักวิชาการหลายคนพูดด้วยท่าทีที่รุนแรง เมื่อฝ่ายไทยป้องกันตนเอง คนอื่นก็มองว่า ไทยได้เตรียมการไว้ และฝ่ายกัมพูชามีการใช้ล็อบบี้ยิสต์ แต่ตนก็มั่นใจว่า ความจริงของฝ่ายไทยจะสามารถต่อสู้ได้ และเมื่อเวลาผ่านไปหลักฐานจะพิสูจน์ได้
พลเอกณัฐพล ยังกล่าวถึงพฤติกรรมของกัมพูชา 5 ข้อ ได้แก่
1.) กัมพูชา มีพฤติกรรมผิดอนุสัญญาออตตาวาใน 3 เรื่อง ทั้งการครอบครองทุ่นระเบิด การผลิตและดัดแปลงทุ่นระเบิด รวมไปถึงการใช้ทุ่นระเบิดใหม่ ซึ่งเห็นได้จากการพบหลักฐานที่บริเวณบ้านสามหลัง ที่ภายในเอกสารที่พบจากฝ่ายกัมพูชา มีการระบุวันที่มีการฝังทุ่นระเบิดเมื่อวันที่ 30 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการวางทุ่นระเบิดภายหลังมีการลงนาม Joint Declaration หรือ JD ไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม ดังนั้นจึงถือว่ากัมพูชาไม่ได้ปฏิบัติตาม JD
2.) ทหารกัมพูชามีการใช้โบราณสถานเป็นที่ตั้งกองกำลัง ทั้งที่ปราสาทตาควาย ปราสาทพระวิหาร และปราสาทคนา
3.) ฝ่ายกัมพูชามีการใช้ชุมชนเป็นจุดยิงอาวุธหนัก ซึ่งทำให้ประเทศไทยไม่สามารถทำลาย BM-21 ของกัมพูชาได้ เพราะกัมพูชาใช้ชุมชนเป็นที่ตั้งของอาวุธ
4.) ฝ่ายกัมพูชาใช้อาคารพลเรือนเป็นที่ตั้งทหาร แต่ก็สามารถทำให้ฝ่ายไทย สามารถยิงปืนนัดเดียวได้นก 2 ตัว ทั้งการทำลายฐานทหาร และการทำลายแหล่งสแกมเมอร์และคาสิโน
5.) ฝ่ายกัมพูชาใช้พลเรือนเป็นโล่มนุษย์ หรือใช้พลเรือนมาต่อสู้ เช่นมีผู้หญิงกัมพูชาใส่เสื้อทหาร สวมกางเกงสีชมพู ยิงต่อสู้กับทหาร ซึ่งหากฝ่ายไทยตอบโต้ถึงชีวิต ก็อาจจะถูกกัมพูชาแอบอ้างกล่าวหาฝ่ายไทย
พลเอกณัฐพล ยังย้ำการดำเนินการของตนที่ผ่านมาว่า ได้พยายามเจรจากับฝ่ายกัมพูชา ตั้งแต่ก่อนวันที่ 24 ก.ค. เพื่อใช้วิธีสันติ และเพื่อให้ได้รับชัยชนะโดยไม่ต้องรบ แต่หากจำเป็นต้องรบก็ต้องชนะ และหลังวันที่ 28 ก.ค. ที่ผ่านมา ก็ได้มีการหยุดยิง ซึ่งตนก็มองในแง่ดีที่กัมพูชา อาจจะไม่ได้ตั้งใจรุกราน แต่หลักฐานที่ปรากฏหลังวันที่ 26 ต.ค. ที่ฝ่ายกัมพูชาละเมิดข้อตกลง JD ยังคงวางทุ่นระเบิดสังหาร เป็นการสะท้อนว่า ฝ่ายกัมพูชานั้นคุยไม่รู้เรื่อง และไม่จริงใจ และสถานการณ์ในปัจจุบันก่อนที่จะมีการประชุม GBC ในวันพรุ่งนี้ (24 ธ.ค.) ในช่วงเช้าวันนี้ (23 ธ.ค.) ฝ่ายกัมพูชาก็ยังคงมีการระดมยิง BM-21 อยู่ แม้รัฐบาลฝ่ายกัมพูชาจะอ้างว่า พร้อมหยุดยิง แต่อดีตนายกรัฐมนตรีฮุนเซนของกัมพูชา ก็ยังคงยืนยันว่า พร้อมตอบโต้
ส่วนการสถาปนาพื้นที่นั้น พลเอกณัฐพล ยืนยันว่า เป็นไปตามที่กองทัพแถลง และหากฝ่ายกัมพูชายังคงมีการปะทะ ฝ่ายไทยก็ต้องตอบโต้ตามความจำเป็นและให้ได้สัดส่วน