
14 ธันวาคม 2568 จากการสู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา ตั้งแต่วันที่ 7 ธันวาคม 2568 ที่ผ่านมา จนถึงวันนี้นับเป็นวันที่ 7 แล้ว
ล่าสุด เวลา 11.50 น. กองทัพบกได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 ว่า ฝ่ายกัมพูชาได้ใช้อาวุธจรวด BM-21 ยิงโจมตีเข้าใส่พื้นที่ ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งอยู่บริเวณใจกลางแหล่งชุมชนและโรงเรียน
เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ประชาชนเสียชีวิต 1 ราย คือ นายดร อายุ 63 ปี จากสะเก็ดระเบิด พร้อมส่งผลให้เกิดไฟไหม้บ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงเสียหาย 1 หลัง ส่วนรายละเอียดผู้บาดเจ็บอยู่ระหว่างการตรวจสอบ
กองทัพบกขอประณามการกระทำของฝ่ายกัมพูชาต่อเวทีประชาคมระหว่างประเทศ ที่ยังคงใช้อาวุธโจมตีใส่พื้นที่พลเรือนซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติการทางทหารอย่าต่อเนื่องเป็นวันที่สอง เป็นเหตุให้พลเรือนผู้บริสุทธิ์เสียชีวิต
เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นหลักฐานที่ชี้ชัดถึงเจตนาของฝ่ายกัมพูชาที่ละเมิดต่อหลักสิทธิมนุษยชนและกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ส่งผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนผู้บริสุทธิ์อย่างร้ายแรง
ขณะเดียวกัน จากกรณีที่สังคมได้ให้ความสนใจและมีข้อสงสัยในประเด็นเรื่องการหยุดยิง หลังนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โพสต์ข้อความระบุว่าไทยและกัมพูชาจะเริ่มกระบวนการหยุดยิงในวันที่ 13 ธ.ค.68 เวลา 22.00 น. นั้น
ล่าสุด พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า กองทัพบก ไม่เคยกล่าวถึงหรือมีแนวการปฏิบัติในเรื่องนี้ เนื่องจากปัจจุบันกัมพูชายังคงใช้อาวุธหนัก จรวด BM-21 เครื่องยิงลูกระเบิด และโดรนพลีชีพ โจมตีต่อกำลังทหารไทยในพื้นที่ตลอดแนวชายแดนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือเป็นภัยคุกคามด้านความมั่นคงของประเทศ ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนชาวไทยอย่างร้ายแรง
โดย พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ได้ติดตามสถานการณ์และมอบแนวทางการปฏิบัติเฉพาะส่วนอย่างใกล้ชิด ซึ่งปัจจุบันยืนยันว่า ยังไม่ได้มีคำสั่งเปลี่ยนแปลงในการปฏิบัติการของหน่วยในพื้นที่การรบแต่อย่างใด โดยยังคงสั่งการให้หน่วยทหารที่รับผิดชอบตลอดแนวชายแดน เดินหน้าปฏิบัติการตามแผนที่กำหนด พร้อมบูรณาการร่วมกับเหล่าทัพ และหน่วยงานอื่นๆ ในการปฏิบัติอย่างเต็มที่
ขณะเดียวกันผู้บัญชาการทหารบกได้กำชับให้กองทัพภาคที่ 1 และกองทัพภาคที่ 2 เน้นย้ำกำลังพลเรื่องการปฏิบัติงานด้วยความปลอดภัย ดำเนินกลยุทธ์ด้วยความรอบคอบ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายหลักคือ
การผลักดันและมุ่งทำลายขีดความสามารถทางการทหารของกัมพูชา ทั้งกำลังพลและยุทโธปกรณ์ รวมถึงองค์ประกอบสนับสนุนอื่นๆ ที่ส่งผลกระทบต่อฝ่ายไทยทั้งทางตรงและทางอ้อม พร้อมยืนยันว่ากองทัพบกไทยโจมตีต่อเป้าหมายทางทหารที่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทยเพียงเท่านั้น และการสถาปนาพื้นที่ เข้าควบคุมบริเวณที่เคยมีการรุกล้ำเขตอธิปไตยไทย และเสริมความมั่นคงให้มีความสมบูรณ์ เอื้อต่อการปฏิบัติการทางทหารต่อไปในอนาคต
นอกจากนี้ ผู้บัญชาการทหารบกได้สั่งการให้หน่วยขึ้นตรงกองทัพบก กำกับดูแลใส่ใจกำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บและสูญเสียจากสถานการณ์การสู้รบ รวมถึงครอบครัวกำลังพลอย่างครอบคลุม ทั้งด้านการรักษาพยาบาล สิทธิและสวัสดิการ รวมทั้งการอำนวยความสะดวกครอบครัวในการเข้าเยี่ยมเยียนหรือประกอบพิธีกรรมทางศาสนาอย่างเต็มที่และดีที่สุด ซึ่งในพิธีศพของกำลังพล ผู้บัญชาการทหารบกได้มอบหมายให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพบก ลงพื้นที่ร่วมประกอบพิธีสดุดีวีรชนอย่างสมเกียรติ พร้อมปลอบขวัญและเสริมสร้างกำลังใจให้กับครอบครัว ขอบคุณแนวหลังของทหารกล้าผู้เสียสละในการปฏิบัติภารกิจครั้งนี้อย่างเต็มภาคภูมิ
กองทัพบก ขอยืนยันในปฏิบัติการครั้งนี้ว่า ยังคงดำเนินการต่อเนื่องจนกว่ากัมพูชาหยุดความเป็นปรปักษ์ โจมตีต่อกำลังทหารไทยและประชาชนในพื้นที่ชายแดน โดยขอให้ประชาชนมั่นใจว่ากำลังพลและยุทโธปกรณ์ของกองทัพบก พร้อมตรึงกำลังการปฏิบัติ และตอบโต้ตามกฎการใช้กำลังตามแผนปฏิบัติการที่กำหนดและเป็นไปตามหลักกติกาสากล เพื่อพิทักษ์รักษาเอกราช และดูแลความปลอดภัยให้ประชาชนชาวไทยอย่างเต็มขีดความสามารถ