
กรณีที่คณะกรรมการธุรกรรมของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) มีมติเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2568 สั่งยึดและอายัดทรัพย์สินเครือข่ายยิม เลียก และแก๊งอาชญากรข้ามชาติ รวม 66 รายการ มูลค่ากว่า 9,279 ล้านบาท ซึ่งเชื่อมโยงกับคดีสแกมเมอร์ข้ามชาติ
3 ธันวาคม 2568 คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า ปปง.ได้เริ่มต้นทำงานอย่างกล้าหาญและเป็นรูปธรรม สามารถยึดทรัพย์มูลค่ากว่าหมื่นล้านบาท จากขบวนการฟอกเงินข้ามชาติได้สำเร็จ แต่ยืนยันว่านี่ยังเป็นเพียง “ยอดภูเขาน้ำแข็ง” ของทรัพย์สินสกปรกจำนวนมหาศาลที่ยังซุกซ่อนอยู่ในประเทศไทย ซึ่งอาจมีมูลค่าสูงถึงระดับแสนล้านบาท
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า เครือข่ายฟอกเงินจากกัมพูชาและขบวนการสแกมเมอร์ระหว่างประเทศเหล่านี้มีโครงสร้างซับซ้อน ใช้บริษัทบังหน้า บัญชีม้า อสังหาริมทรัพย์ และสินทรัพย์ดิจิทัล เป็นเครื่องมือในการฟอกเงิน ทำให้การปราบปรามเป็นภารกิจที่ท้าทายอย่างยิ่ง และต้องการความจริงจังต่อเนื่องจากทุกหน่วยงานรัฐ
"ต้องให้กำลังใจ ปปง.ในการเดินหน้าตรวจสอบต่อไป เพราะกลุ่มเหล่านี้ยังมีทรัพย์สินอีกมหาศาล ที่แฝงตัวในระบบเศรษฐกิจไทย และกำลังแทรกซึมเข้ามาสร้างอิทธิพลทางธุรกิจ รวมถึงในตลาดทุนด้วย"
"เครือข่ายฟอกเงิน" ผงาดถือหุ้น "บ.พลังงาน" เกือบ 25%
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า สิ่งที่น่ากังวลอย่างยิ่งคือความเชื่อมโยงของเครือข่ายฟอกเงินเหล่านี้กับกลุ่มผู้มีอิทธิพล นักการเมือง และบริษัทมหาชนบางแห่ง ซึ่งเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์
โดยเฉพาะกรณีที่มีรายงานว่าเงินสกปรกจากเครือข่ายสแกมเมอร์ถูกนำไปซื้อหุ้นบริษัทพลังงานรายใหญ่ของประเทศอย่างจนมีสัดส่วนถือครองเกือบ 25% ซึ่งเพียงพอที่จะครอบงำทิศทางบริษัท และอาจถูกใช้เป็นช่องทางในการฟอกเงินหรือใช้ธุรกิจที่มีคุณค่าของชาติไปกระทำกิจกรรมที่ผิดกฎหมายได้ โดยบริษัทดังกล่าวเป็นบริษัทพลังงานที่คนไทยภาคภูมิใจ แต่กำลังถูกคุกคามจากเงินสกปรกของอาชญากรข้ามชาติ ซึ่งเป็นภัยต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจอย่างยิ่ง”
เรียกร้อง ก.ล.ต. เข้มเงินสกปรก-ฟอกเงิน
คุณหญิงสุดารัตน์ ยังเรียกร้องให้ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เข้าไปตรวจสอบเส้นทางเงินที่เข้ามาซื้อหุ้นดังกล่าวอย่างละเอียด พร้อมสืบสวนผู้มีหน้าที่กำกับดูแลที่อาจปล่อยปละละเลยหรือเอื้อให้เงินผิดกฎหมายไหลเข้าสู่ตลาดทุนไทย
ย้ำว่าตลาดทุนต้องมีมาตรการป้องกันเงินฟอกเงินอย่างเคร่งครัด และต้องรับผิดชอบต่อสังคมหากพบการละเมิด หรือหากผู้บริหารบางรายมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเปิดช่องให้กลุ่มทุนอาชญากรเข้ามาแทรกแซงระบบเศรษฐกิจไทย
นี่ไม่ใช่แค่คดีฟอกเงินธรรมดา แต่เป็นปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติที่กระทบต่อความมั่นคงทางการเงิน การลงทุน และชื่อเสียงของตลาดทุนไทยทั้งหมด
หากปล่อยให้เงินสกปรกเข้ามาครอบงำบริษัทมหาชนได้ ประเทศไทยจะสูญเสียความเชื่อมั่นจากนักลงทุนทั่วโลก และประชาชนจะเป็นผู้แบกรับความเสียหายในที่สุด
คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว พรรคไทยสร้างไทย จะติดตามเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง และพร้อมสนับสนุนทุกมาตรการของรัฐที่นำไปสู่การปราบปรามเครือข่ายฟอกเงินและสแกมเมอร์ข้ามชาติอย่างจริงจัง พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการอย่างโปร่งใส ไม่ยอมให้กลุ่มทุนมืดเข้ามาครอบงำระบบเศรษฐกิจของประเทศ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประชาชนและสถาบันทางเศรษฐกิจของไทยในระยะยาว