เปิดคลิป! "ปักหมุดชั่วคราว" หนองหญ้าแก้ว ชาวบ้าน "ยุคเขมรแดง" เชื่อ กัมพูชาไม่อพยพออก

24 พฤศจิกายน 2568 ความคืบหน้าในการสำรวจเส้นแบ่งเขตแดนเดิม ตามการอ้างสิทธิ์ ของแต่ละฝ่าย โดยการใช้โดรนบินสำรวจ ถ่ายภาพทางอากาศ ระหว่างไทย-กัมพูชา เพื่อเตรียมปักหมุดชั่วคราว บริเวณหลักเขตแดน ที่ 42 ถึง 43 บ้านหนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ระยะทาง 7 กิโลเมตร ซึ่งเป็นการดำเนินการในเฟสแรก

 

 

 

 

 

โดยวันนี้ทั้งสองฝ่ายยังคงเดินหน้า หลังดำเนินการมาได้แล้ว 4.5 กิโลเมตร ถึงบริเวณตำบลหนึ่ง บ้านหนองหญ้าแก้ว และ ตรงบริเวณพื้นที่บริเวณหัวสิงห์ ซึ่งเป็นจุดที่ไทย ทำรูปหัวสิงห์โตปูนปั้น เอาไว้บริเวณทางเข้า - ออก เพื่อให้รู้ว่าเป็นดินแดนของไทยอย่ารุกล้ำเข้ามา

 

 

 

 

 

 

การดำเนินการวันนี้ เจ้าหน้าที่ ทำการสำรวจปักหมุด บริเวณใกล้จุดตรวจการณ์ที่ 35  โดยทำการสำรวจมาจากทางจุดสุดท้ายของบ้านหนองหญ้าแก้ว หลักเขตแดนที่ 43 เข้ามายังบ้านเปรยจัน บ้านหนองหญ้าแก้ว ที่ปัจจุบันมีบ้านเรือนของชาวกัมพูชาบุกรุกอยู่อีก 25 ไร่ 35 หลังคาเรือน ซึ่งหากเสร็จสิ้นตามแผน ก็จะเสร็จสิ้นในเฟสแรก

ขณะที่ เจ้าหน้าที่ รายงานว่า การรังวัด GPS เพื่อกำหนด จุดควบคุมภาพถ่ายทางอากาศ (GCP) ณ ปัจจุบัน ซึ่งจะนำไปสู่การกำหนดแนวเขตแดนที่ชัดเจน รังวัด GPS หมุดควบคุม (GCP) : ดำเนินการได้ 64 จุด การบินโดรนถ่ายภาพ: ดำเนินการได้ระยะทาง 4.8 กิโลเมตร 

 

 

สำรวจพื้นที่หลักเขต 43 ดงระเบิด สมัยเขมรแดง 

ขณะเดียวกัน หากเสร็จสิ้นในเฟสแรก พื้นที่เป้าหมายต่อไป จะเป็นหลักเขตเเดนที่ 46-47 คือ บ้านหนองจาน ส่วนพื้นที่บริเวณหลักเขตแดน ที่ 43-44 บ้านโนนหมากมุ่น และ 44-45 ซึ่งก็อยู่ในแผนการปักหมุดชั่วคราว ในระยะทางรวม 14 กิโลเมตร แม้พื้นที่เหล่านี้จะไม่ได้มีปัญหาเพราะตกลงกันได้แล้ว 

วันนี้ทีมข่าวเนชั่นทีวี เข้าไปสำรวจในพื้นที่นาของชาวบ้าน หลังจากเร่งเก็บเกี่ยวนาข้าว กันตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งกลางวัน กลางคืน 
โดยเฉพาะนาข้าว รอยตะเข็บ ที่ติดกับพื้นที่ชายแดนเขมร มีคลองระลมระสือ หรือ คลองกุดกระสือ กั้นพรมแดน 

 

ปัจจุบันเก็บเกี่ยวเสร็จสิ้นแล้ว 90% แต่ก็ยังเหลือที่นา ที่ติดอยู่ กับเขมร ตรง ตำบลโอบายเจือน จ.บันเตียนเมียนเจย ซึ่งวันนี้นักข่าวไปสำรวจ ชาวบ้านยังเร่งเกี่ยวข้าวกันอยู่  

 

 

 

ชาวบ้าน ยุคเขมรแดง เชื่อ เขมรไม่อพยพออก หลังปักหมุด

ชาวบ้าน ตำบลโนนหมากมุ่น หมู่ที่1  อายุ 59 ปี ซึ่งผ่านยุคสมัยสงครามเขมรแดง และเคยผ่านการจับปืนสู้รบ 

ชาวบ้านบอกเล่าเรื่องราวในอดีตว่า จุดตรงที่ทีมข่าวเข้ามาสำรวจ บริเวณพื้นที่นาข้าวที่กำลังเก็บเกี่ยว แต่ก่อนตรงนี้เต็มไปด้วยทุ่นระเบิด รถถัง และเคยเป็นฐานทหารกัมพูชา มีคลองยุทธศาสตร์ของไทย ที่ขุดไว้กันรถถังเข้ามา ทำให้ตามนา ตามป่า เต็มไปด้วยทุ่นระเบิด 

แต่ปัจจุบันเก็บกู้ไปหมดแล้ว ชาวบ้านก็ช่วยกันเก็บกู้ ใช้เสียมงัดแงะ แล้วก็นำไปเผาไฟ  จนเป็นพื้นที่ปลอดภัย ในการทำนาข้าว  อีกทั้งวัวควายก็เหยียบย่ำถูกกับระเบิดไป จึงมั่นใจในความปลอดภัย  

พื้นที่ตรงนี้ ห่างจากถนนเส้นหลักเขมร ใช้สัญจรในปัจจุบัน ไม่ถึง1 กิโลเมตร  ใกล้จุดที่ เจ้าหน้าที่ยูเอ็น นำอาหาร เข้ามาแจกจ่ายกับชาวเขมร ในสมัยที่อพยพลี้ภัยในยุคสงครามเขมรแดง 

ตนเองยังได้เห็นชาวกัมพูชาอพยพพาลูกพาหลาน ขี่เกวียนกันมา ในสภาพที่น่าสงสาร นำทองมาแลกข้าวสาร เพราะสมัยก่อนเงินใช้ไม่ได้ ตอนนั้นตนนำขนมต้ม เข้าไปขาย แต่พอเห็นคนอพยพ ลูกเด็กเเดง น่าสงสาร ก็แจกของที่ขายให้เขาหมด คนเหล่านี้ปัจจุบันก็น่าจะอายุ 50 กว่าปีขึ้นไปและก็รู้ว่าตรงไหนเป็นดินแดนของไทย ตรงไหนเป็นดินแดนของกัมพูชา แต่ตีมึน คิดว่าเป็นของตัวเอง 

 

 

 

 

 

 

นักข่าวถามว่า การปักหมุดชั่วคราวหากมีการดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว พบว่าหากตรงไหนรุกล้ำ คนกัมพูชาจะต้องอพยพออกไป ทั้งที่บ้านหนองหญ้าแก้ว และ บ้านหนองจาน คิดว่าชาวกัมพูชาจะออกไปหรือไม่   

 

ชาวบ้านรายนี้ เชื่อว่า ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ออกไป เพราะเขารู้นิสัยเขมรดี จะเป็นแบบนี้ตลอด และไม่มีสัจจะ ฝั่งเราก็ปฏิบัติไปตามหน้าที่ แต่พอถึงเวลาเขาก็ไปไหน 

 

นักข่าวถามว่า ในฐานะเป็นคนในพื้นที่ติดชายแดนเขมร ทางออกควรจะเป็นอย่างไร 

ชาวบ้าน บอกว่า ตามปกติหากไม่มีการทะเลาะกันเราก็เป็นพี่น้องกันตลอด แต่ตอนนี้มันเพราะผู้นำเผด็จการของเขา ทำให้ความสัมพันธ์เขมรไปมาหาสู่กันไม่ได้ ขนาดเคยเป็นเพื่อนกัน ยังมีความแสลงใจต่อกัน 

 

จากที่เคยเป็นมิตรกันก็ไม่อยากเห็นหน้ากัน เขาก็ไม่อยากคุยกับเรา แต่ก่อนเป็นเพื่อนพี่น้องกันซื้อเหล้า ทำอาหาร มานั่งกินกัน แต่มาช่วงนี้ความสัมพันธ์ต้องห่างกัน ตอนนี้ก็ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของรัฐบาล กับรัฐบาลว่า จะมีทางออกกันอย่างไร 

แต่ความเห็นส่วนตัวไม่อยากให้มีสงครามเกิดขึ้น เป็นเพื่อนบ้านกัน จะดีกว่าเพราะเราเคยมีสงครามแล้ว มีแต่ความสูญเสีย จะนอนบ้าน ก็ไม่ได้ ข้าวก็ไม่มีจะกิน ผู้หญิงก็ต้องอพยพกันหนีออกไปหมด ส่วนผู้ชายในสมัยก่อนก็จับปืนออกไปสู้รบ และ ยังหวังว่าสถานการณ์จะกลับมาสงบสุขเหมือนแต่ก่อน

สำหรับเรื่องดินแดนที่ถูกกัมพูชาบุกรุก คนส่วนใหญ่มองว่า เราเสียดินแดนให้เขาไป ก็ต้องทวงคืนกลับมา เปรียบเทียบง่ายๆ ครอบครัวหนึ่ง แบ่งที่ดินกัน มีคันนากั้น แบ่งกันไม่เท่ากันเล็กน้อย ก็ยังทะเลาะกัน แต่ที่เรากำลังสูญเสียเป็นดินแดนของไทย ก็ต้องทวงคืนกลับมา 

 

ชาวบ้าน เล่าให้ฟังด้วยว่า เมื่อสองวันก่อน ก็เขมร นำรถเครน รถขุด เข้าไปเร่งทำบังเกอร์ ทำหลุมหลบภัยอยู่ด้านในเหมือนกัน 

 

 

ดูคลิป