
9 พฤศจิกายน 2568 ที่โรงพยาบาลตำรวจ พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.สอท. ที่พักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาล จากอาการผ่าตัดกระดูกทับเส้น ได้เปิดใจกับผู้สื่อข่าวถึงประเด็นที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร. ออกมาระบุว่า ตนอยู่ในชุดปฏิบัติการตำรวจ PCT 4 (ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ) ที่มีการจับ นาย ช. และภายหลัง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้นำหลักฐานเกี่ยวกับตำรวจชุด PCT4 รับเงินเว็บพนันออนไลน์ ยื่นต่อคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติ และการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎรให้ตรวจสอบ
โดย พล.ต.ต.ทินกร ระบุว่าตามที่มีกระแสข่าวดังกล่าวที่ตนเงียบไม่ได้ให้สัมภาษณ์ไป เพราะมารักษาตัวที่โรงพยาบาล เดิมไม่ได้ตั้งใจจะบอกใครแต่ก็ไม่คิดว่าจะโดนพาดพิง ส่วนตัวอะไรทนได้ ก็ทน แต่ข้อมูลนี้เป็นเรื่องคดีสำคัญ ถ้าไม่พูดคนอาจจะเข้าใจภาพรวมเสียหายไป ว่าข้อเท็จจริงคือ ขณะเกิดเหตุเรื่องนี้ในการจับกุม นาย ช.ตนดำรงตำแหน่ง ผู้บังคับการ ตำรวจภูธรยะลา ยังทำหน้าที่อยู่ที่จังหวัดยะลายังไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจในชุด PCT4 แต่อย่างใด
“ผมอยู่ยะลา 2 ปี ออกพื้นที่ตลอด มีลูกน้องถูกระเบิดเสียชีวิตไป 1 คน ทำงานด้วยความยากลำบาก ภารกิจหลักของผม ในจังหวัดยะลาพื้นที่ยังเป็นพื้นที่สีแดงยังมีการเกิดเหตุการณ์อย่างต่อเนื่อง มีหลายเหตุการณ์ไม่ว่าจะเป็นเรื่องระเบิด เรื่องจริงอะไรทั้งหลายซึ่งก็มีเหตุการณ์ที่ผู้ใต้บังคับบัญชา โดนระเบิดขว้างเข้าไปฐานจนเสียชีวิตก็มี ผมมีออกตรวจควบคุมดูแลสถานการณ์แต่ละพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ทั้งกลางวันและกลางคืน เพื่อควบคุมสถานการณ์ให้อยู่ และดูแลทุกข์สุขให้กับพี่น้องประชาชน แต่ก็ผ่านมาได้ ไม่หนักใจเท่าเหตุการณ์ที่เกิดกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติในวันนี้” พล.ต.ต.ทินกร กล่าว
พอย้ายจากยะลา ตนก็มาอยู่สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ต่อด้วยกองบัญชาการตำรวจนครบาล ถึงพึ่งมาอยู่ไซเบอร์ไม่นานยืนยันว่า ช่วงนั้นตนไม่ได้อยู่ในชุด PCT4 ตามที่เป็นกระแส เพิ่งมาตอนจับกันไปแล้ว โดยส่วนตัวก็ไม่ได้มีปัญหากับท่านนายตำรวจคนดัง
ในประเด็นที่มีการกล่าวอ้างระบุว่าชุด PCT4 มีการกลับคำให้การจนเป็นเหตุที่มีการสั่งไม่ฟ้อง สส.คนดังก็อย่างที่เรียน เนื่องจากขณะเกิดเหตุ เดือน ก.พ. 2565 ตนยังเป็นผู้บังคับการภูธรจังหวัดยะลา ซึ่งการกลับคำให้การหรือการให้รายละเอียดอย่างไรนั้น ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องและไม่ได้รู้เห็นด้วยแต่อย่างใด ข้อมูลที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ออกมาพูดถือว่าคลาดเคลื่อนอย่างยิ่ง
และที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ บอกว่าตนเคยไปขอศาลอาญาออกหมายจับคดีที่เกี่ยวข้องกับเว็บการพนันโดยไม่มีการออกหมายเรียกเป็นการกลั่นแกล้งนั้น ต้องเรียนว่า "เรื่องนั้นมาจากการทำตามหน้าที่ ผมไม่ได้มีอำนาจตัดสินใจคนเดียว การทำงานทุกอย่างเป็นคณะทำงานใหญ่ เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ผมก็เป็นเพียงผู้ปฏิบัติงาน เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาคนหนึ่งเท่านั้น ผู้บังคับบัญชาให้ทำอะไรก็ทำตามหน้าที่ถ้าเห็นว่าเป็นคำสั่งที่ถูกต้องตามกฎหมาย"
เพราะเรื่องนี้คณะทำงานสืบสวนสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐาน จนพยานหลักฐานเราเชื่อมั่นว่าจะเสนอออกหมายจับได้ ตามมติที่ประชุมว่าให้ไปเสนอออกหมายจับ ซึ่งโดยปกติตามความผิดอัตราโทษ เรื่องฟอกเงิน มีอัตราโทษสูงอยู่แล้ว โดยปกติไม่จำเป็นต้องออกหมายเรียก เราสามารถที่จะไปเสนอศาลออกหมายจับได้เลย ซึ่งเป็นความเห็นในรูปแบบของคณะทำงาน ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องของคณะกรรมการตกลงใจร่วมกัน และมีมติของผู้บังคับบัญชาให้ตนที่มียศพลตำรวจตรีในการดำเนินการขอหมายจับต่อศาลอาญา
ส่วนตัวเป็นห่วงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ “ผมก็รักเหมือนบ้านผม ทุกคนก็กินข้าวหม้อเดียวกัน ประชาชนหรือหน่วยงานอื่น เขาก็เฝ้ามอง ผมเข้าใจว่าจะให้ทุกคนรักกันคงเป็นไปไม่ได้ แต่รู้สึกไม่ดีที่มีเหตุการณ์แบบนี้”
วันนี้ที่ต้องออกมาพูด ทั้งที่อยู่ในโรงพยาบาล แต่เห็นว่าจำเป็น ผมป่วยไม่ค่อยบอกใคร เพราะรู้ว่าทุกคนก็วุ่นวายอยู่ในสถานการณ์ที่หนักหน่วง ไม่อยากให้มาต้องกังวลในเรื่องของผมอีก แต่ถ้าไม่พูดเกรงว่ามันจะเป็นไฟลุกลาม ก็อยากขอร้องคนที่ให้ข้อมูลต่อๆกันไปว่าให้เช็กข้อมูลดีๆ สุดท้ายแล้วคนเสียหายก็เป็นคนในองค์กรเราเองแล้วก็ทำให้ประชาชนเสื่อมเสียศรัทธาในองค์กรแล้วเราจะทำงานต่อไปกันยังไงถ้าประชาชนไม่ศรัทธา ก็ขอให้เห็นใจทางตำรวจด้วย