"ภูเก็ต" แถลงการณ์ ยกระดับมาตรการความปลอดภัยสูงสุด หลังเกิดเหตุซุกบึ้ม

27 มิถุนายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายโสภณ สุวรรณรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นำทีมฝ่ายความมั่นคงจังหวัดภูเก็ต แถลงภายหลังการประชุมติดตามสถานการณ์ กรณีพบวัตถุต้องสงสัยในหลายจุดสำคัญของจังหวัด

อาทิ ท่าอากาศยานภูเก็ต หาดป่าตอง และแหลมพรหมเทพ ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของประชาชนและนักท่องเที่ยว 

 

พร้อมออกแถลงการณ์ว่า

 

จังหวัดภูเก็ตได้ออกแถลงการณ์ เรื่อง การยืนยันความปลอดภัยของพื้นที่และการยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยในจังหวัดภูเก็ต โดย ระบุว่า
 

จังหวัดภูเก็ตขอเรียนชี้แจงสถานการณ์ด้านความมั่นคงในพื้นที่ ณ ปัจจุบัน และแนวทางการดำเนินการเพื่อยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัย เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนและนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ดังต่อไปนี้

 

สถานการณ์ปัจจุบัน

 

จากการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบทราบว่ามีวัตถุต้องสงสัย 3 จุดในจังหวัดภูเก็ต ได้แก่ พื้นที่จอดรถของท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต, หาดป่าตอง และบริเวณแหลมพรหมเทพ เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 25 และช่วงเช้าของวันที่ 26 มิถุนายน 2568

ทั้งนี้ หน่วยทำลายล้างวัตถุต้องสงสัย (EOD) จากกองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ได้เข้าดำเนินการตรวจสอบและเก็บกู้วัตถุต้องสงสัยได้เรียบร้อยแล้ว ภายในเวลา 14.30 น. ของวันที่ 26 มิถุนายน 2568

จากการตรวจสอบเบื้องต้น เหตุการณ์นี้เป็นลักษณะของ “การสร้างสถานการณ์” โดยจากการประเมินผลกระทบที่หากจะเกิดขึ้นชัดเจนที่สุด คือ “เสียงดัง” ซึ่งจะไม่สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินและไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อประชาชน

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากได้มีการระงับเหตุก่อน จึงไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือทรัพย์สินเสียหายแต่อย่างใด ซึ่งเป็นไปตามมาตรการการเฝ้าระวังและรักษาความปลอดภัย ขอยืนยันว่า สนามบิน ระบบขนส่งสาธารณะ สถานที่ท่องเที่ยว และกิจกรรมทางเศรษฐกิจทุกอย่าง ยังคงดำเนินการได้ตามปกติ

ส่วนผู้ต้องสงสัยที่ก่อเหตุ จำนวน 2 คน ขณะนี้อยู่ในระหว่างการควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และกำลังดำเนินการสืบสวนเพื่อขยายผลต่อไป

การยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติม เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจและความปลอดภัยสูงสุด จังหวัดภูเก็ตได้ดำเนินการยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยในทุกมิติ

 

แบ่งออกเป็น 3 แนวทางหลัก

 

1. การเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบ ณ จุดผ่านแดนทุกช่องทาง

1.1 มาตรการครอบคลุมทั้งจังหวัด
-สั่งการให้สถานีตำรวจภูธรทั้ง 11 แห่งในจังหวัดภูเก็ต จัดกำลังลาดตระเวนแบบเหลื่อมเวลา และเชื่อมต่อกันเป็นตาข่ายใยแมงมุม เพื่อครอบคลุมทุกพื้นที่และทุกช่วงเวลา
– มอบหมายนายอำเภอ กำนัน และผู้ใหญ่บ้าน ดำเนินการ X-ray ตรวจสอบบุคคลแปลกปลอมที่เข้ามาในพื้นที่ หากพบว่ามีพฤติกรรมไม่น่าไว้วางใจ ให้รายงานและดำเนินการตามกฎหมายทันที

1.2 เพิ่มความเข้มงวดในจุดผ่านแดนทุกช่องทาง
– ทางบก: เสนอขอสนับสนุนจากรัฐบาลกลางในการติดตั้งระบบสแกนใบหน้า (Facial Recognition) ณ ด่านตรวจท่าฉัตรไชย เพื่อเสริมระบบคัดกรองให้ทันสมัย แม่นยำ และเพิ่มมาตรการคัดกรองที่เข้มงวดขึ้น
-ทางอากาศ: ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ตดำเนินมาตรการคัดกรองเข้มข้นในทุกขั้นตอน ร่วมกับทุกสายการบิน
– ทางน้ำ: มอบหมายให้ทัพเรือภาคที่ 3 และตำรวจน้ำ ร่วมกันตรวจสอบท่าเรือโดยสาร ท่าเรือท่องเที่ยว และเรือเข้า-ออกอย่างละเอียด

2. การเสริมกำลังลาดตระเวนในพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญ
– เพิ่มทีมสายตรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ ครอบคลุมพื้นที่ท่องเที่ยวหลัก ได้แก่ หาดป่าตอง หาดกะตะ-กะรน แหลมพรหมเทพ ย่านเมืองเก่าภูเก็ต ฯลฯ
– ใช้ระบบกล้องวงจรปิดร่วมกับเทศบาลและภาคเอกชน รวมถึงเครือข่ายจิตอาสาในการสอดส่องเหตุผิดปกติ

3. การสร้างความร่วมมือกับภาคเอกชนและประชาสังคมร่วมดำเนินการ

โดยตำรวจภูธรภาค 8 อำเภอ และตำรวจท่องเที่ยว ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและภาคเอกชน
– จัดอบรมความรู้เบื้องต้นด้านการป้องกันภัยให้แก่ภาคธุรกิจท่องเที่ยว
-สร้างเครือข่ายพนักงานรักษาความปลอดภัยในโรงแรม ศูนย์การค้า และสถานประกอบการ ให้สามารถสังเกตและแจ้งเหตุได้ทันที
– เตรียมจัดการฝึกซ้อมแผนเผชิญเหตุร่วมกับภาครัฐและเอกชนทุกไตรมาส
– เตรียมความพร้อมการสื่อสาร พัฒนา “ระบบประชาสัมพันธ์หลายภาษา”ครอบคลุมไทย อังกฤษ จีน รัสเซีย

จังหวัดภูเก็ตขอขอบคุณ ทุกภาคส่วน ทั้ง หน่วยงานด้านความมั่นคงในสังกัด กองทัพเรือ กองทัพบก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานของกระทรวงมหาดไทย รวมถึงองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคประชาชน และภาคเอกชน ที่ร่วมมือกันปกป้องความปลอดภัยของจังหวัดด้วยความทุ่มเท

“เราจะไม่ประมาท และจะเข้มงวดด้านมาตรการมากขึ้น เพื่อป้องกันสถานการณ์ในอนาคตอย่างรอบด้าน” และขอยืนยันอีกครั้งว่า “ภูเก็ตปลอดภัยสำหรับประชาชน และพร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกอย่างเต็มที่”

 

ทั้งนี้ หากประชาชนพบเห็นสิ่งผิดปกติ หรือวัตถุต้องสงสัยใด ๆ สามารถแจ้งสายด่วน 191 หรือ 1155 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

 

จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบโดยทั่วกัน

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ข้อมูลจากเพจเฟซบุ๊ก : สวท.ภูเก็ต prd